ปคบ.บุกจับหมอเสริมความงามเถื่อนตาคลีนิก ขณะกำลังฉีดยาให้ลูกค้า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. สั่งการ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ., นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปคบ. สนธิกำลังร่วมกับ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จับกุม นายพัสกร อัศวโกธิน อายุ 36 ปี ในความผิดฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา และขายเครื่องมือแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต” ได้ที่ “วีบีจีคลินิก” เลขที่ 471 ซอย อนามัย ถ.ศรีนครินทร์ แขวงและเขตสวนหลวง กทม.สืบเนื่องจากสืบทราบว่าคลีนิกดังกล่าวซึ่งเป็นคลีนิกเสริมความงามลักลอบเปิดให้บริการรับฉีดวิตามินผิว, ฟิลเลอร์, โบท็อก และร้อยไหม โดยใช้แพทย์ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบ นายพัสกร แสดงตนเป็นแพทย์ กำลังยืนผสมตัวยา เพื่อเตรียมฉีดเข้าเส้นเลือดให้กับผู้เข้าใช้บริการ จึงขออนุญาตทำการตรวจสอบก่อนพบนายพัสกรนั้นไม่ได้เป็นแพทย์ตามที่กล่าวอ้าง ไม่มีความรู้ ความชำนาญ อย่างแพทย์ผู้มีวิชาชีพ เสี่ยงก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้บริการ จึงทำการจับกุมตัวพร้อมตรวจยึด เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์ยาอื่นๆที่เป็นความผิด กว่า 26 รายการ ไว้เป็นของกลางจากการสอบสวน นายพัสกร ให้การรับว่าตนไม่ใช่แพทย์ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แต่อย่างใด เรียนจบเพียงการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จากนั้นได้เข้าทำงานในคลินิกเสริมความงามในตำแหน่งผู้ช่วยพยาบาล เนื่องจากมีความสนใจในด้านศัลยกรรมเสริมความงาม และเห็นช่องทางว่ามีรายได้ดี จึงเริ่มรับงานโดยแอบอ้างตัวเป็นแพทย์เฉพาะทาง รับฉีดวิตามินผิว, ฟิลเลอร์, โบท็อก ร้อยไหม นอกสถานที่ในลักษณะหมอกระเป๋า และรับงานรักษาในคลินิกกรณีคลินิกนัดหมายลูกค้าให้ โดยทำมาแล้วประมาณ 5 ปี มีรายได้เดือนละ 30,000-40,000 บาท เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไปนอกจากนี้จากแนวทางสืบสวนพบว่า นายพัสกร ได้ทำการให้บริการเสริมความงามให้ผู้รับบริการคลินิคดังกล่าวกว่า 120 ราย และให้บริการรับฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าผากด้วย ซึ่งแพทย์โดยทั่วไปไม่รับฉีดบริเวณดังกล่าวเนื่องบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่มีความอันตรายสูง เพราะมีเส้นเลือดเชื่อมต่อไปยังจอประสาทตา และสมอง หากแพทย์ที่ทำการฉีดไม่มีความชำนาญมากพอ อาจทำให้อาจเกิดผลกระทบโดยตรงถึงขั้นตาบอดได้
