จับตา 5 เทรนด์สมาร์ทโฟนที่น่าสนใจในปี 2023

จับตา 5 เทรนด์สมาร์ทโฟนที่น่าสนใจในปี 2023

ปี 2022 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป คงต้องบอกว่าเป็นปีที่ยากลำบากไม่น้อยสำหรับธุรกิจสมาร์ทโฟน เนื่องจากการขาดแคลนชิปเซต อีกทั้งยังมีปัญหาจากห่วงโซ่อุปทานที่มาจากประเทศจีน ซึ่งเต็มไปด้วยมาตรการการล็อกดาวน์ประเทศตลอดทั้งปี ก่อนมาคลายมาตรการลงในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2022

จากมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลจีน ส่งผลให้การจัดส่งสมาร์ทโฟนตัวความหวังของแอปเปิลอย่าง iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ไม่เป็นไปตามเป้า โดยในบางช่วงของปี 2022 การจัดส่งต้องใช้เวลามากถึง 4-5 สัปดาห์ ก่อนที่จะลดลงมาเหลือ 1-2 สัปดาห์ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ของเดือนธันวาคม

พร้อมกันนี้ ธุรกิจสมาร์ทโฟนยังได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ตามด้วยการเกิดอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
แม้เมื่อกาลเวลาใกล้ล่วงเข้ามาสู่ปี 2023 สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ยังไม่น่าเข้าใกล้คำว่าสิ้นสุดสงคราม แต่ปัญหาอื่นๆ เช่น ปัญหาเงินเฟ้อ และห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสมาร์ทโฟนก็น่าจะเข้าสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้นตามลำดับ

นั่นหมายความว่า ธุรกิจสมาร์ทโฟนในปี 2023 น่าจะมียอดการจัดส่งที่ดีขึ้น เราจึงมีโอกาสเห็นเทรนด์ใหม่ๆ ที่น่าจะเกิดขึ้น แม้จะเป็นแต่เพียงเล็กน้อยก็ตาม
การกระจายห่วงโซ่อุปทาน
นี่คือเทรนด์ที่น่าจับตามองที่สุดเทรนด์หนึ่งของปีหน้าเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะการที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไม่ว่าจะมาจากสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และจากประเทศจีนเองก็ตาม เริ่มที่จะหันหน้าออกจากแดนมังกรแล้วหันไปหาสถานที่ใหม่ๆ อย่างประเทศเวียดนาม และประเทศอินเดีย

การระบาดของโควิด-19 ทำให้รัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการโควิดต้องเป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเริ่มตระหนักแล้วว่า การรวมศูนย์กลางการผลิตเอาไว้ที่ประเทศจีนอย่างเดียวไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีอีกต่อไปแล้ว ซึ่งตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ปลายทางใหม่ที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเลือกย้ายไปก็คือเวียดนามและอินเดีย
ในปี 2022 ที่กำลังจะผ่านไป แอปเปิลมีฐานกำลังการผลิต iPhone 14 ที่ประเทศจีนมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะการผลิตในรุ่นที่มีความสลับซับซ้อนทางเทคโนโลยีอย่าง iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max อยู่ที่ประเทศจีนเกือบทั้งหมด

แต่ในปี 2023 เป็นต้นไป แอปเปิลจะขยายการผลิตไปที่ประเทศอินเดีย และจะกระตุ้นให้ประเทศอินเดีย เป็นฐานการผลิต iPhone รุ่นระดับสูงมากขึ้นอีกด้วย
ควรต้องกล่าวเอาไว้ด้วยว่า ตามปกติแล้ว โรงงานของแอปเปิลในประเทศอินเดีย มีความสามารถในการผลิต iPhone ได้อยู่แล้ว แต่ความสามารถในการผลิตยังเป็นรุ่นมาตรฐานอย่าง iPhone 14 และ iPhone 14 Plus นั่นเอง

ทางด้านซัมซุง เป็นแบรนด์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายโควิดต้องเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีนสักเท่าไร เพราะตามปกติแล้ว ซัมซุงไม่ได้พึ่งพาจีนมากนัก แต่ก็น่าสนใจไม่น้อยว่า ซัมซุงก็เตรียมเริ่มจัดสรรกระบวนการผลิตส่วนใหญ่ คิดเป็น 75-80 เปอร์เซ็นต์ให้กับเวียดนามและอินเดียเท่าๆ กัน ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ขณะที่ เสียวหมี่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากประเทศจีนเอง ก็ย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปยังอินเดียและเวียดนามแล้ว โดยในปี 2023 เสียวหมี่ น่าจะพึ่งพาการผลิตในอินเดียสูงสุดที่ 30 เปอร์เซ็นต์ของกำลังการผลิต และเวียดนาม ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของกำลังการผลิตสูงสุด และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า การผลิตในประเทศจีนมีโอกาสลดต่ำลงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

สมาร์ทโฟนจอพับวางขายในตลาดโลกมากขึ้น
การเปิดตัว Oppo Find N2 และ Oppo Find N2 Flip ในเดือนธันวาคมของออปโป้ นับเป็นย่างก้าวที่สำคัญของตลาดสมาร์ทโฟนจอพับ เนื่องจากในปีก่อนหน้านี้ การผลิตสมาร์ทโฟนจอพับของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากประเทศจีน ล้วนวางจำหน่ายเฉพาะหลังม่านกำแพงเมืองจีนเท่านั้น

จากเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ ซัมซุง กลายเป็นเจ้าตลาดของสมาร์ทโฟนจอพับไปโดยปริยาย แต่ในปี 2023 ซัมซุงจะต้องเจอกับความท้าทายมากขึ้น เพราะออปโป้ หนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลก เตรียมพร้อมที่จะนำ Oppo Find N2 และ Oppo Find N2 Flip ไปวางจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ เพื่อแย่งชิงเค้กซึ่งเวลานี้ส่วนมากเป็นของซัมซุง
การมาของออปโป้ อาจเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากชาติเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเสียวหมี่, หัวเว่ย หรือวีโว่ เริ่มขยับตัวออกสู่ตลาดทั่วโลกมากขึ้น

สำหรับข้อดีของมือถือจอพับคงอยู่ตรงที่ เรื่องของการพับ เพราะสามารถทำให้สมาร์ทโฟนที่มีขนาดใหญ่ยักษ์จนกลายเป็นแท็บเล็ตอยู่รอมร่อ ให้กลายเป็นมือถือที่มีขนาดกะทัดรัดขึ้น และพกพาง่ายขึ้น

กล้องสมาร์ทโฟน
การถ่ายภาพเป็นฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้สำหรับสมาร์ทโฟน และในปี 2023 ฟีเจอร์การถ่ายภาพน่าจะเก่งกาจมากขึ้น โดยเฉพาะความสามารถในการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย และการป้องกันการสั่นที่ดีขึ้น

พร้อมกันนี้ การรองรับฟีเจอร์การถ่ายภาพในลักษณะแนวตั้ง ตามกระแสเทรนด์ของแอปพลิเคชันติ๊กต่อก (TikTok) โดยอาจมีการเซนเซอร์ภาพและเลนส์กล้องขั้นสูงเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้คุณภาพของภาพดีขึ้นและมีคุณสมบัติที่หลากหลายขึ้น

นอกจากนี้แล้ว อัลกอริทึมที่ทำหน้าที่ประมวลผลภาพก็น่าจะถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น อาจนำไปสู่การได้ผลลัพธ์ของภาพที่สมจริง แม่นยำกับวัตถุที่ถูกถ่าย ตลอดจนรายละเอียดและความคมชัดของภาพที่ดีขึ้น

ในเวลาเดียวกัน การถ่ายภาพของกล้องรุ่นใหม่จากสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายในปี 2023 ก็อาจเป็นการถ่ายภาพขั้นสูงมากขึ้น มีคุณสมบัติใหม่ๆ เช่นการตรวจจับความลึกของภาพที่ดีขึ้นและการถ่ายภาพแบบ 3 มิติ

ปัญญาประดิษฐ์
ในปี 2023 คงเป็นปีทองที่ยิ่งทองขึ้นไปอีกของปัญญาประดิษฐ์ เพราะในช่วงปลายปี 2022 เราได้เห็นการถือกำเนิดของ ChatGPT ซึ่งเป็นแชตบอตที่ฉลาดเป็นกรด โดยในปี 2023 เราอาจได้เห็นกูเกิลออกมาเคลื่อนไหวกับการนำปัญญาประดิษฐ์มานำเสนอสู่สาธารณชนมากขึ้น

กลับมาที่ปัญญาประดิษฐ์บนสมาร์ทโฟน เราอาจได้เห็นการพัฒนาขึ้นอีกขั้นของแอปพลิเคชันตกแต่งภาพด้วยปัญญาประดิษฐ์ซึ่งทวีความเก่งกาจมากขึ้น แต่ก็ตามมาด้วยเครื่องหมายคำถามและข้อถกเถียงอีกสารพัด โดยเฉพาะในเรื่องของ Stable Diffusion กล่าวคือ การเรียนรู้ของปัญญาประดิษฐ์มาจากการใช้รูปภาพจากอินเทอร์เน็ต มาจากศิลปินที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพแต่ละภาพ ซึ่งในประเด็นนี้นั่นหมายความว่า ศิลปินเจ้าภาพของภาพได้ถูกนำภาพไปใช้โดยไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของภาพ และมีโอกาสอย่างมากที่จะไม่ได้รับค่าตอบแทนที่ควรจะได้รับอีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว ในปี 2023 น่าจะได้เห็นการผสานปัญญาประดิษฐ์เข้ากับสมาร์ทโฟนมากขึ้น ซึ่งอาจนําไปสู่คุณสมบัติและนวัตกรรมใหม่


ตัวอย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของสมาร์ทโฟน ช่วยในการตั้งค่า และการปรับแต่งทรัพยากรภายในเครื่องให้ตรงกับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนแต่ละคน อีกทั้งปัญญาประดิษฐ์น่าจะเข้ามาช่วยให้คําแนะนําส่วนบุคคลตามความสนใจของผู้ใช้ ผ่านการเรียนรู้ที่จากการคาดการณ์ความต้องการของผู้ใช้

อย่างไรก็ดี การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในสมาร์ทโฟนอาจมีผลต่อความเป็นส่วนตัว เนื่องจากการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลโดยอัลกอริทึมอาจทําให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการจัดการ และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

ความยั่งยืน
ด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเทคโนโลยี จึงเป็นไปได้ว่า เราจะเห็นการให้ความสําคัญกับความยั่งยืนในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นในปี 2023 ซึ่งอาจรวมถึงการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในกระบวนการผลิตรวมถึงการพัฒนาโปรแกรมเพื่อรีไซเคิลหรือกําจัดอุปกรณ์เก่าอย่างถูกต้องเหมาะสม
ตัวอย่างเช่น บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟน อาจมีการปล่อยแคมเปญที่แสดงถึงความพยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนในการผลิตสมาร์ทโฟน หรือใช้วัสดุรีไซเคิลในกระบวนการผลิต

นอกจากนี้ การพัฒนาแคมเปญส่งเสริมการนําอุปกรณ์เก่ากลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลอาจช่วยลดของเสียและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตและกําจัดสมาร์ทโฟนได้
สรุปได้ว่ามีแนวโน้มของเทรนด์สมาร์ทโฟนในปี 2023 น่าจะครอบคลุมทั้งสิ่งที่อยู่ภายในและภายนอกสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะเทรนด์ของความยั่งยืน ซึ่งถือเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจและกำลังเข้าไปแทรกซึมในทุกๆ ธุรกิจ และทุกๆ วงการ.
ที่มา:thairath
บทความโดย
นักเขียน
วิวัฒน์ รุ่งแสนสุขสกุล
สนใจในเทคโนโลยี สนีกเกอร์ ผู้ร่วมดำเนินรายการ Extra Time Podcast

ผู้นำเสนอข่าว

ยัยแม่มด

Written by:

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *