6 ตำรวจฉาว “สน.ห้วยขวาง” พลิกลิ้น ปฏิเสธยัดบุหรี่ไฟฟ้าเรียกเงินดาราสาวไต้หวัน ในชั้นสอบสวน ก่อนโดนแจ้งข้อหาหนัก 146 และ 157 ยกชุด คุมตัวส่งฝากขังศาลทันที เผยมีรอดหวุดหวิด 1 นาย ออกไประงับเหตุนอกพื้นที่พอดี ขณะที่ ผบช.น.อดหลับอดนอน ควบคุมการสอบสวนด้วยตนเองตลอดทั้งคืน
ความคืบหน้าคดีดาราสาวไต้หวัน เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ภายหลัง 7 นายตำรวจ ยศระหว่าง ร.ต.อ.-ส.ต.อ.ถูกเด้งเข้า ศปก.บก.น.1 แล้วแจ้งข้อหาตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ คณะพนักงานสอบสวนปากคำปากอย่างละเอียด พร้อมได้รวบรวมพยานแวดล้อม และกล้องวงจรปิด รวมถึง นายสกาย ผู้เสียหายในคดี ที่เป็นผู้จ่ายเงินให้กับทางตำรวจและผู้เสียหายได้มีการชี้ตัวตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินในครั้งนี้
ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงแจ้งข้อหา ความผิดมาตรา 157 และมาตรา 149 จากนั้นได้มีทนายความและครอบครัวของแต่ละคนขึ้นไปห้องสอบสวน ก่อนคณะพนักงานสอบสวนควบคุมตัว 6 ข้าราชการตำรวจ ไปทำการฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนที่มีการถูกแจ้งข้อหาในครั้งนี้ มาจากการที่ทางกองบังคับการสืบสวนสอบสวนรวบรวมข้อมูล รวมถึงการสอบปากคำผู้เสียหายชาวสิงคโปร์ ซึ่งมีความสอดคล้องกันกับข้อมูลที่คณะทำงานฝ่ายสืบสวนดำเนินการรวบรวมมา จึงทำให้มีการแจ้งข้อหาได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังคงไม่มีนายตำรวจระดับสูงของทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ลงมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนที่เฝ้ารออยู่บริเวณหน้ากองบังคับการสืบสวนสอบสวน
สำหรับรายชื่อข้าราชการตำรวจ สน.ห้วยขวาง ที่ถูกแจ้งข้อหาในครั้งนี้ มี 6 ราย ได้แก่ 1. ร.ต.อ.ยอดฤทธิ์ ลางดุลเสน รอง สวป. 2. ร.ต.อ.ปฏิภาณ ศิริชัยวัฒนา รอง สว.อำนวยการ 3. ด.ต.กฤษฎา คำมะนา ผบ.หมู่ ป. มีพฤติกรรมในวันเกิดเหตุมีปากเสียงกับผู้เสียหาย 4. ส.ต.อ.เฉลิมชัย ศิริวังโส ผบ.หมู่ ป. มีพฤติกรรมในวันเกิดเหตุ ทำหน้าที่คัดเลือกรถเหยื่อ 5. ส.ต.อ.วัชรนนท์ ขาวยอง ผบ.หมู่ (ป.) ผู้มีพฤติกรรมในวันเกิดเหตุ มีปากเสียงกับผู้เสียหาย 6. ส.ต.อ.นันทวัชร์ สุวรรณา ผบ.หมู่ (ป.) มีพฤติกรรมในวันเกิดเหตุ สวมชุดนอกเครื่องแบบเรียกรับเงินกับผู้เสียหายสิงคโปร์ ส่วน ด.ต.อธิเวช จุลพันธ์ ผบ.หมู่ (ป.) ที่ปรากฏ 1 ใน 7 รายชื่อที่ถูกสั่งให้ช่วยราชการ ไม่พบว่ามีรายชื่อที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เนื่องจากในขณะเกิดเหตุได้รับแจ้งเหตุส่งเสียงดัง รัชดา ซ.10 จึงรุดไปตรวจสอบ จึงไม่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากออกไประงับเหตุนอกพื้นที่
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า การดำเนินคดีกับ 6 นาย ตำรวจสังกัด สน.ห้วยขวาง ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการเรียกรับสินบนจากทางผู้เสียหายชาวต่างชาติ ทางคณะทำงานได้มีการสอบสวนตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน และมีการแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตามมาตรา 149 และความผิดตามมาตรา 157 กับทั้ง 6 คนเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งโทษตามความผิดในมาตรา 149 มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ปรับตั้งแต่ 1 แสน ถึง 4 แสนบาท หรือประหารชีวิต
เบื้องต้น ตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ในชั้นสืบสวนให้การรับสารภาพ แต่เมื่อมีการสอบสวนในชั้นพนักงานสอบสวนเพื่อลงในสำนวนคดีกลับให้การปฏิเสธทั้ง 6 คน ซึ่งในส่วนนี้ ทางคณะทำงานมั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมด ซึ่งพยานหลักฐานที่ทางฝ่ายสืบสวนดำเนินการรวบรวมมาตั้งแต่ได้รับมอบหมายให้เข้ามาทำงานในคดีนี้ มีความคืบหน้ามากกว่าการให้ปากคำของทางผู้เสียหาย โดยหลักฐานสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดจากทางภาคเอกชนที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ของนายตำรวจทั้ง 6 คน ไว้ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะสองนายที่มีการเข้าไปพูดคุยกับทางผู้เสียหาย ส่วนที่ต้องมีการใช้เวลานานกว่าสองสัปดาห์ในการรวบรวมกล้องของทางเอกชน เนื่องจากว่าต้องรอการประสานงานกับทางภาคเอกชน รวมถึงมีการขอความร่วมมือทางสื่อมวลชนในการประชาสัมพันธ์ ทำให้รับความร่วมมือในประเด็นนี้เพิ่มเติมมากขึ้น
ขณะที่การให้ปากคำของผู้เสียหายชาวสิงคโปร์ มีการชี้ตัวไม่ถึงจำนวนที่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ก็ถือว่ามีการให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของคณะทำงาน ทำให้สามารถดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาได้ในวันนี้ ขณะที่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ได้เดินทางมาควบคุมการสอบสวนด้วยตนเองตลอดทั้งคืน มั่นใจในพยานหลักฐานที่ทางฝ่ายสืบสวนได้มีการรวบรวมมา ยังไม่ได้สั่งการใดเป็นพิเศษเพิ่มเติม
ส่วนประเด็นเรื่องกล้องประจำตัวของทางตำรวจชุดที่ตั้งด่านในวันเกิดเหตุ ทราบว่าทางสำนักงานพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการส่งไฟล์กลับมาที่พนักงานสอบสวนแล้ว แต่ตนไม่ทราบในรายละเอียด แต่ ณ เวลานี้ถือว่าพยานหลักฐานส่วนอื่นมีชัดเจนไปกว่ามากกว่ากล้องประจำกายไปแล้ว
ยืนยันว่าตัวผู้เสียหายไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เนื่องจากพยานหลักฐานสามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการเรียกรับไม่ใช่การติดสินบนเจ้าพนักงาน ซึ่งในขั้นตอนต่อไปนี้ พนักงานสอบสวนจะดำเนินการทางเอกสารทางคดี และจะมีการคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนไปส่งยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตลิ่งชัน.
ที่มา:ไทยรัฐ