คาดว่าความสัมพันธ์จะทำให้การค้าขายชายแดนดีขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังปฏิบัติหน้าที่ตรวจเข้มงวดเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองและกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
เมื่อเวล070.00น. วันที่ 27 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พ่อค้าแม่ค้า ประชาชนกัมพูชา ได้นำสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นของป่าตามฤดูกาล มาจอดรถจักรยานยนต์และรถยนต์ รอก่อนเปิดประตูผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยมี เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองศรีสะเกษ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ ,เจ้าหน้าที่สาธารณสุข, ทหารหน่วยกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี ,ทหารพรานที่2601,อาสารักษาดินแดนภูสิงห์ที่19 ได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้นำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศไทย
จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำแห่งนี้เป็นจุดผ่านแดนแห่งเดียวของจังหวัดศรีสะเกษ โดยทั้ง 2 ประเทศ ได้ยึดตามกฎระเบียบ MOU เดิมในการเปิดด่าน กำหนดเปิด เวลา 07.00 น. ถึง 20.00 น. ส่วนตลาดตลาดเมืองใหม่ ที่ห่างจากด่าน ประมาณ 2.5 กิโลเมตร เปิดเฉพาะ วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ เท่านั้น โดยชาวกัมพูชาที่ข้ามแดนเข้ามาประเทศไทย คงใช้ passport tและ border pass ภายใต้หลักปฏิบัติ ต้องฉีดวัคซีนครบโดสเป็นหลัก
ขณะเดียวกัน บริเวณตลาดนัดเมืองใหม่ช่องสะงำ พ่อค้าแม่ค้า ชาวไทยและชาวกัมพูชาต่างนำสินค้า เครื่องอุปโภคบริโภคสิ่งที่จำเป็น อาทิ พืชผัก ผลไม้ อาหารทะเล เนื้อวัว เนื้อสุกร ปลา มาจำหน่วยซื้อขายแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ซึ่งตลาดแห่งนี้จะราคาถูกกว่าตลาดฝั่งกัมพูชา บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก พ่อค้าแม่ค้า ชาวไทยและชาวกัมพูชา ต่างเชื่อมั่นใน รัฐบาลทั้ง 2 ที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
นายคูณ คงตางามอายุ 69 ปี อาชีพค้าขายไก่ปิ้ง ลูกชิ้นปิ้ง ตลาดเมืองใหม่สะงำมากว่า 20 ปี กล่าวว่า แต่ก่อนเศรษฐกิจดีมาก มาช่วงโควิดซบเซาไปมาก ช่วงนี้กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นกว่าเดิม และเชื่อมั่นในรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ที่มีนายกมาจากการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตย คาดว่าการค้าขายจะดีขึ้น
ขณะเดียวกัน นายจำ เริน อายุ 31 ปี พ่อค้ากัมพูชา ค้าขายเครื่องอุปโภคบริโภคฝั่งกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาก็มีนายกคนใหม่ ไทยก็มีนายกคนใหม่ ที่มาจากประชาธิปไตย เชื่อมั่นว่า ทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันที่ดีต่อกันและจะทำให้ชายแดนทั้ง2ประเทศเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ด้านนายหัตถชัย เพ็งแจ่ม รองประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า เป็นนิมิตรหมายอันดี ว่า กัมพูชาก็ได้นายกคนใหม่ แล้วประเทศไทยก็เพิ่งได้นายกรัฐมนตรีเหมือนกัน เป็นประชาธิปไตย ทั้ง 2 ประเทศ ส่งผลเกิดความมั่นใจเชื่อใจต่อกัน ทั้งใกล้ชิดสนิทสนมกัน จึงเป็นนิมิตรหมายที่ดีในด้านการค้า คาดว่าในอนาคต ตลาดชายแดนแห่งนี้จะสานต่อเป็นเมืองเศรษฐกิจ เพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องชาวไทยและชาวกัมพูชา
ประโยชน์ อุดมเดช /ข่าว/ภาพ/ศรีสะเกษ
ที่มา: สำนักข่าวคาดเชือก
เว็บไซต์: https://kardchuek.net
