เลขาฯ ป.ป.ส. แถลงผลการดำเนินการ ยึด อายัด ทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด กลุ่มนาย ทุน มิน หลัด
วันพุธที่ 22 มีนาคม 2566 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส.แถลงผลการดำเนินการ ยึด อายัด ทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติด กลุ่มนาย ทุน มิน หลัด (Tun Min Latt) และผู้เกี่ยวข้อง
ณ ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง)
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จับกุมกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่องพื้นที่ปริมณฑล จำนวน 6 คดี ต่อมาได้มีขยายผลและสืบทราบว่า นายทุน มิน หลัด กับพวก เป็นผู้ร่วมกระทำความผิด จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับของศาลอาญา เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 ให้จับกุมนายทุน มิน หลัด พร้อมพวกรวม 6 คน พร้อมนิติบุคคล ในฐานะผู้ต้องหาอีก จำนวน 3 บริษัท ในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมกันจับกุมนายทุน มิน หลัด พร้อมพวกรวม 4 ราย ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ จำนวน 2 ราย ซึ่งในการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าว เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สิน และยึดหรืออายัดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหา และกลุ่มผู้มีทรัพย์สินเกี่ยวข้อง ไว้เพื่อตรวจสอบ รวมมูลค่าประมาณ 1,398.5 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่มีคำสั่งยึด หรืออายัดไว้ มีทั้งทรัพย์สินประเภทที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง เครื่องประดับ เงินสด เงินฝากในบัญชีธนาคาร ยานพาหนะ หลักทรัพย์ เงินประกัน และทรัพย์สินอื่น จำนวนหลายรายการ
เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังได้มีคำสั่งอายัดบัญชีที่มีการโอนเงินไปชำระค่าไฟฟ้า และบัญชีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบัญชีที่ระบุว่าเป็นบัญชีม้า รวม 111 บัญชี มูลค่าเงินที่อายัดประมาณ 163.58 ล้านบาท ซึ่งจะเรียกผู้มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่อายัดไว้ทั้งหมดมาชี้แจงต่อไป ส่วนบัญชีอื่นที่เป็นบัญชีม้าอยู่ระหว่างดำเนินการอายัด
กรณีโรงแรมอัลลัวร์ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้และทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สาย สำนักงาน ป.ป.ส.ได้ดำเนินการแจ้งคำสั่งการตรวจสอบ และยึดหรืออายัดทรัพย์สิน รวมถึงการแจ้งให้ระงับการรับเงินค่าใช้ไฟฟ้าจากบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป (พีแอนด์อี) และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการชำระเงินในนามของบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ปฯ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายได้รับทราบและดำเนินการตามที่ สำนักงาน ป.ป.ส. แจ้งแล้ว แต่เนื่องจากการซื้อ-ขายไฟฟ้า ระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายกับผู้ใช้ไฟฟ้าในฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมานั้น จะต้องทำสัญญากับบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลเมียนมา จึงจะสามารถทำการซื้อ-ขายไฟฟ้าดังกล่าวได้ ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายได้ประสานงานไปยังประเทศเมียนมา เพื่อเร่งดำเนินการให้สัมปทานแก่บริษัทอื่น เพื่อมาทำสัญญา ซื้อ-ขายไฟฟ้าแทนบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ประหว่างรอการดำเนินการ
ทั้งนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สายแจ้งว่ากลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าในฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็ก ได้เก็บรวบรวมเงินค่าไฟฟ้ามาชำระค่าไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคฯ โดยตรง นอกจากนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคฯ ยังแจ้งให้ทราบว่า การส่งไฟฟ้าไปใช้ในฝั่งท่าขี้เหล็ก มีความสำคัญเนื่องจากเป็นการขายไฟฟ้าให้กับต่างประเทศ ซึ่งหากมีการหยุดการส่งกระแสไฟฟ้า จะทำให้เกิดปัญหากับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไปในฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็ก และเป็นการกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งหากจะดำเนินการหยุดส่งกระแสไฟฟ้า จะต้องผ่านกระบวนการของกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ก่อน” เลขาธิการ ป.ป.ส. ให้ข้อมูลทิ้งท้าย
ที่มา: สำนักข่าวคาดเชือก
เว็บไซต์: https://kardchuek.net