“พล.ต.อ.ชัยยง”ผู้สมัคร ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ หมายเลข 4
ชี้การโยกย้ายตำรวจอย่างอำเภอใจดังเช่นในกรณีของสารวัตรสอบสวน สน.พญาไท จะไม่เกิดขึ้นถ้า
ถ้ามีองค์ ก.ตร.ที่มีความรู้ความสามารถกล้าเป็นปากเป็นเสียงต่อสู้ให้กับตำรวจ
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ชัยยง กีรติขจร อดีต รอง ผบ.ตร.และผู้สมัคร ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ หมายเลข 4 กล่าวว่า จาก
เหตุการณ์การโยกย้ายตำรวจอย่างอำเภอใจดังเช่นในกรณีของสารวัตรสอบสวน สน.พญาไท จะไม่เกิดขึ้นถ้า
(1)มีองค์ ก.ตร.ที่มีความรู้ความสามารถกล้าเป็นปากเป็นเสียงต่อสู้ให้กับตำรวจ
(2)มีกฏ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายที่เข้มแข็งกำกับการใช้ดุลยพินิจของผู้ออกคำสั่ง ดังนั้น การเลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตำรว จืงที่จะต้องเลือกคนดีมีความรู้เข้าไปทำหน้าที่เพื่อน้องๆตำรวจอย่างแท้จริง
ฉนั้น 15 มีนาคมนี้ เวลา ข้าราชการตำรวจระดับรอง ผกก.ขึ้นไป ต้องออกมาเลือกตำรวจที่ท่านคิดว่ามีคุณสมบัติที่ดีมีคุณธรรมเข้าไปทำหน้าที่เป็นปากเสียงเรียกร้องต่อสู้หาความเป็นธรรมการแต่งตั้งให้กับตัวท่าน
การใช้อำนาจโดยมิชอบของผู้บังคับบัญชา การแทรกแซงจากบุคคลภายนอก การวิ่งเต้นในการแต่งตั้งโยกย้าย ข้อจำกัดของสายงานสอบสวน เส้นทางการเติบโตก้าวหน้าของพนักงานสอบสวน ฯลฯ”
“ตำรวจต้องมีศักดิ์ศรี มีความมั่นคง มีความก้าวหน้าในเส้นทางราชการ และมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน เพื่อประชาชน เป็นสิ่งที่เราต้องร่วมกันแก้ไข และทำให้เกิดขึ้นจริงอย่างเร่งด่วน ด้วยความรัก และภาคภูมิใจในการเป็นตำรวจ พร้อมที่จะตอบแทนองค์กรด้วยการเอาความรู้ ประสบการณ์ ไปทำหน้าที่กรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ ขอเสนอตัว ให้พี่น้องตำรวจ เลือกตั้งเข้าไปเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เสียงของท่านคือเสียงของทุกคนที่จะช่วยให้ตำรวจทำดี ต้องได้ดี ตำรวจดี ต้องไม่โดนรังแก ดำรงตำแหน่ง และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสง่างามครับ ปกป้องศักดิ์ศรี ตำรวจดี ของประชาชน”
ตำรวจในสังคมปัจจุบันการถูกจับตามองจากสังคม การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ แนวทางแก้ปัญหาการแต่งตั้งที่ถูกครหาถึงความไม่เป็นธรรม การซื้อขายตำแหน่ง และการแทรกแซงทางการเมือง รวมถึงแนวทางส่งเสริมตำรวจดี ที่ตั้งใจมาทำงานอาสาสมัครรับเลือกตั้ง เป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อตอบแทนองค์กรตำรวจ เนื่องจากมีประสบการณ์เป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมายตำรวจ จึงมั่นใจว่าหากได้รับเลือกตั้งเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ ความสามารถ มีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้าไปปรับ เปลี่ยนให้ดีขึ้น “ผู้สมัคร ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ หมายเลข 4 กล่าว”
ด้าน พล.ต.ท. อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ( ผบช.ก.ตร.) กล่าวว่า จากที่ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มีการประกาศให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจมีองค์ประกอบ ประกอบด้วย ก.ตร.โดยตำแหน่ง มีนายกรัฐมนตรี,ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ กพ.และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร.เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และอีกส่วนคือ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 ท่าน ซึ่งเป็น ก.ตร.ที่มาจากการเลือกตั้งของข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไป ประมาณ 13,000 นาย ซึ่งในส่วนนี้เป็นองค์ประกอบที่กำหนดเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งเองและผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยปรับจากเดิมที่เป็นข้าราชการระดับ ผกก.จำนวน 5 พันกว่านาย เพิ่มเป็น 13,000 นาย
สำหรับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท(ก)เป็นอดีตข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งระดับ ผบช.ขึ้นไป และพ้นจากความเป็นข้าราชการตำรวจไปแล้วไม่น้อยกว่า1ปี ซึ่งเปิดรับสมัครตั้งแต่ 22 พ.ย.-5 ธ.ค.65 มีผู้รับสมัครเข้าทำการเลือกตั้ง จำนวน 23 ราย จะต้องเลือกให้เหลือ 3 ราย เพื่อทำหน้าที่เป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท (ก)
ในส่วนของ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท(ข) ได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการ ก.ตร.โดยตำแหน่งคัดเลือกให้ได้ 6 ราย จากนั้นทั้ง 6ราย จะถูกส่งรายชื่อไปพร้อมกับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ก) สมัครรับเลือกตั้งไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เพื่อให้ข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งจาก 6 รายให้เหลือ 3 ราย รวมจะได้ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 2 ประเภท จำนวน 6 ราย
พล.ต.ท.อนุชา กล่าวอีกว่าในส่วนของการเลือกตั้งจะดำเนินการโดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ทำหน้าที่เป็นกรรมการกลางในการเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ได้มีระเบียบและหลักเกณฑ์วิธีการในการเลือกตั้ง และกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 มี.ค.66 สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30น.
สำหรับข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไป ดำรงตำแหน่งมีพื้นที่อยู่ในจังหวัดใด จะใช้สิทธิ์จังหวัดนั้นเป็นเขตเลือกตั้ง ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งรายชื่อข้าราชการตำรวจผู้มีสิทธิ์พร้อมเขตเลือกตั้งสถานที่ใช้สิทธิ์ไปให้ข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไปทราบเรียบร้อยแล้ว
จึงขอเชิญชวนข้าราชการตำรวจที่มีสิทธิ์ทุกนายไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณทั้งประเภท(ก)และประเภท (ข) ประเภทละ 3 ราย เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ช่วย ก.ตร.โดยตำแหน่ง ทำหน้าที่เกี่ยวกับบริหารงานบุคคลให้องค์กรกลางของข้าราชการตำรวจมีความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพและเป็นตัวแทนของข้าราชการตำรวจในการช่วยกำหนดกฎเกณฑ์ดูแลอำนวยความยุติธรรม ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการบริหารงานต่างๆของข้าราชการตำรวจทุกนาย
ในส่วนของ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 2 ประเภท มีสัดส่วนของความเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาที่รับรู้งานของข้าราชการตำรวจเป็นอย่างดี กับ ก.ตร.ผู้ทรงวุฒิประเภท(ข) จะเป็นผู้ทรงวุฒิสาขาต่างๆเช่น เป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ,อาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ หรือผู้เชี่ยวชาญที่เคยทำงานเกี่ยวกับด้านประชาสังคมหรือสื่อสารมวลชนเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนนี้จะมาช่วยกันในการพัฒนาองค์กรกลางของข้าราชการตำรวจอำนวยความยุติธรรมให้ตำรวจ ซึ่งผู้ที่จะทำหน้าที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนหนึ่งจะไปเสริมการทำงานของ ก.ตร.โดยตำแหน่ง อำนวยความยุติธรรมให้กับข้าราชการตำรวจตำแหน่งต่างๆไม่ว่าจะมีสิทธิ์เลือกตั้งหรือไม้ก็ตาม
“องค์กรกลางมีความสำคัญในการกำหนดกฎเกณฑ์การบริหารงานบุคคล เพื่อช่วยในการทำงานและอำนวยความยุติธรรม กรณีที่ท่านอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินการต่างๆด้านบริหารงานบุคคล องค์กรส่วนนี้ก็จะได้ช่วยดูแลเกี่ยวกับความจำเป็นพื้นฐานของท่านให้ท่านสามารถปฎิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” พล.ต.ท.อนุชา กล่าว
สำหรับผลการเลือกตั้งในการดำเนินการเลือกตั้งวันที่ 15 มี.ค.66 จะมีการนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งและจะส่งผลคะแนนไปให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบและประกาศผล คาดว่าจะไม่เกินสิ้นเดือน มี.ค.66ก็จะได้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิมาปฎิบัติหน้าที่ โดยในการประชุม ก.ตร.ครั้งต่อไป ถ้าไม่มีประเด็นเกี่ยวกับขั้นตอนดำเนินการเชื่อว่า สิ้นเดือน มี.ค.นี้ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิก็จะสามารถเข้าปฎิบัติหน้าที่ได้ครั้งแรกต่อไป “ผบช.ก.ตร.กล่าว”
ที่มา: สำนักข่าวคาดเชือก
เว็บไซต์: https://kardchuek.net