ปราจีนบุรีจัดพิธีบวงสรวง-ถวายช้างพลายมหาเมฆพระภักดีเดชะวีระบุษเมืองประจันตคาม
ผู้พลีชีพในสนามรบไทย – ญวน ทีในประเทศกัมพูชาอย่างยิ่งใหญ่ พบหลังพิธีบวงสรวง ประชาชนพากันมาลอดใต้ท้องช้างขอพร – ไหว้สักการะขอพร ขอโชคลาภจากพลายมหาเมฆ และอนุสาวรีย์พระภักดีเดชะวีระบุษเมืองประจันตคามเจ้าเมืองคนแรกเมืองประจันตคาม ผู้พลีชีพในสนามรบไทย – ญวน ทีในประเทศกัมพูชาตลอดทั้งคืนและพบแผงสลากกินแบ่งรัฐบาลพากันขายดีตามมา รวมถึงข้าวของตลาดงานวัดที่จัดต่างขายดีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าพื้นบ้าน ในการสร้างรายได้แก่ท้องถิ่
เมื่อเวลา 22.30 น.วันนี้ 10 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานว่าที่วัดแจ้งเมืองเก่า ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี พระครูมงคล หรือหลวงปู่ใหญ่ ธรรมโสภณ เจ้าอาวาสวัดแจ้งเมืองเก่า เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธือัญเชิญเครื่องสักการบูชาพร้อมพลายมหาเมฆ และพลายมงคลต่าง ๆ แด่พระภักดีเดชะเจ้าเมืองคนแรกเมืองประจันตคามพร้อมมีแขกผู้มีเกียรติร่วมงาน อาทิ ดร.สุรเดช จิรัฐิติเจริญ วุฒิสภา(สว.) เชิญช้างทองคำ พวงมะลิสักการะ,นางสาวจุฑามาศ บัวเผื่อน นอภ.ประจันตคาม เชิญผลไม้มณัโครต พวงมาลาสักการะ , พ.อ.(พิเศษ)เสกสรร พรหมศักดิ์ รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12)เชิญน้ำผึ้ง น้ำอ้อย พวงมาลาสักการะ , นายสุชาติ โชติรัตน์สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี(ส.อบจ.) เชิญธาตุเหล็กไหลเงิน – ทอง พวงมาลาสักการะ , นายสุชาติ เดชสุภา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคำโตนด ( อบต.) เชิญพวงมาลา ผลไม้สักการะ , นายคมจักร ถาวรวิรัขนันท์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลจันทนิมิต จ.จันทบุรี เชิญผลไม้ กล้วย อ้อย น้ำ พวงมาลัยสักการะ , นายเดวิด อภัยวงศ์ เชิญผลไม้ อ้อย พวงมาลัยสักการะ , นายณัฐพล เดชสุภา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลประจันตคาม (อบต.) เชิญเภสัชยาสำหรับช้าง พวงมาลัยสักการะ ,นายบุญเรือง กระแจะ เชิญพวงมาลัยสักการะ , นายชัยสิทธ์ อุเทนสุด เชิญพวงมาลัยสักการะ
ทั้งนี้ คณะศิษย์ของ พระครูมงคล หรือ หลวงปู่ใหญ่ ธรรมโสภณ เจ้าอาวาสวัดแจ้งเมืองเก่า ได้จัดสร้างช้างศึกคู่บารมี พลายมหาเมฆ แด่ พระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน) พิธีเริ่มตั้งแต่กลางวัน ประกอบด้วย ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ ,ช่วงเย็นจรดค่ำ ถวายเครื่องสักการะ และ พิธีอัญเชิญเครื่องสักการบูชาเครื่องบรรณาการ โภชนาหาร และสัญลักษณ์ช้างทองคำ พร้อม พลายมหาเมฆ พลายมหามงคลต่าง ๆทั่วจักรวาล แด่พระภักดีเดชะ(ท้าวอุเทน) ณ ที่บรรจุศพพระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน) การรำถวาย และ ตลอดทั้งคืนนี้ยาวต่อเนื่องจรดเที่ยงคืน ขมลิเกดังขวัญใจชาวอ.ประจันตคาม คณะวัฒนา อนันต์ ท่ามกลางประชาชนคับคั่งกว่า 1,000 คน
พบหลังพิธีบวงสรวง ประชาชนพากันมาลอดใต้ท้องช้างขอพร – ไหว้สักการะขอพร ขอโชคลาภจากพลายมหาเมฆ และอนุสาวรีย์พระภักดีเดชะวีระบุษเมืองประจันตคามเจ้าเมืองคนแรกเมืองประจันตคาม ผู้พลีชีพในสนามรบไทย – ญวน ทีในประเทศกัมพูชาตลอดทั้งคืนและพบแผงสลากกินแบ่งรัฐบาลพากันขายดีตามมา รวมถึงข้าวของตลาดงานวัดที่จัดต่างขายดีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าพื้นบ้าน ในการสร้างรายได้แก่ท้องถิ่น
พระครูมงคล หรือ หลวงปู่ใหญ่ ธรรมโสภณ เจ้าอาวาสวัดแจ้งเมืองเก่า กล่าวว่า การจัดงานสร้างรูปปี่นของช้างมหาเมฆ ช้างช้างทองคำ ไม่เป็นทางการ โดยคณะศิษย์ยานุศิษย์เห็นว่า ช้างสร้างมานานกว่า 4 -5 ปี แล้ว ยังไม่ได้ถวายพระภักดีเดชะ(ท้าวอุเทนอย่างเป็นทาง การ และในโลก มีช้างต่าง ๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยสร้างคุณต่อประเทศชาติสยาม หรือ อื่น ๆ มาก ได้ทำบุญทิศกุศลถวายพระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน) และช้างทั่วจักรวาลด้วย
และ กล่าวต่อไปว่า อยากให้คนรู้จักคนที่กตัญญูกตเวที –ช้างที่มีคุณต่อชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะพระภักดีเดชะ(ท้าวอุเทน) เจ้าเมืองคนแรกของเมืองประจันตคาม
ซึ่งประวัติความเป็นมา จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า ในปี พ.ศ. ๒๓๖๙ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เจ้าอนุวงศ์เป็นกบฏ ยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา ได้รวบรวมกำลังตีกองทัพเจ้าอนุวงศ์แตกพ่ายไป
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดแต่งตั้งให้เจ้าพระยาบดินทร์เดชา(สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพยกไปตีเวียงจันทน์ปราบกบฏ เมื่อตีได้แล้ว ได้อพยพครอบครัวสี้พลบางส่วนจากเวียงจันทน์ เข้ามายังประเทศไทย ในจำนวนแม่ทัพนายกองที่เข้ามานั้น มีท้าวอุเทนบุตรท้าวสร้อย ซึ่งเป็นแม่ทัพที่คอยควบคุมดูแลเมืองแสนของเวียงจันทน์เข้ามายังประเทศไทย ในจำนวนแม่ทัพนายกองที่เข้ามานั้น มีท้าวอุเทน บุตรท้าวสร้อย ซึ่งแม่ทัพที่คอยควบคุมดูแลเมืองแสนของเวียงจันทน์ขณะนั้นอยู่ด้วย ท้าวอุเทนได้นำลี้พลที่ถูกอพยพมาตั้งกองรวมกันเป็นหมู่บ้านใหญ่ ในพื้นที่อำเภอประจันตคาม ซึ่งเป็นบริเวณวัดและรอบๆ วัดแจ้งในปัจจุบัน (ปัจจุบันชาวบ้านเรียกกันว่า “บ้านเมืองเก่า”ในอดีตมีต้นยางมากมาย (“ดงยาง”)
เมืองประจันตคามจึงถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๓๗๖ ท้าวอุเทนเจ้าเมืองคนแรก ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงภักดีเดชะ ว่าราชการได้ ๒ ปีเศษ เกิดศึกญวนมาตีกรุงพนมเปญซึ่งเป็นเมืองขึ้นของไทยในสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพและได้เกณฑ์เมืองประจันตคาม เมืองพนัสนิคมและเมืองกบินทร์บุรี รวมกันเป็นกองทัพหน้า ยกไปสู้รบข้าศึกญวนอยู่ประมาณ ๓ ปีเศษ จึงขับไล่ญวนออกไป เจ้าเมืองทั้งสามผู้ร่วมรบ มีความชอบในราชการ เมื่อกลับมาได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น “พระ” ในนามเดิมทั้ง ๓ ท่าน เจ้าเมืองประจันตคามจึงเป็น “พระภักดีเดชะ” (ท้าวอุเทน)
ต่อมาอีกประมาณ ๑ ปี ญวนได้หวนกลับมาตีเมืองพนมเปญอีก เจ้าเมืองตะวันออกได้รับใบบอก จึงโปรดให้เกณฑ์ไปช่วยรบ พระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน) ได้นำกำลังชาวเมืองประจันตคามเข้ากองทัพร่วมกับเจ้าเมืองกบินทร์บุรี ในการไปราชการทัพครั้งนี้ พระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน) ได้นำกำลังพลเข้ารบกับข้าศึกจนสุดความสามารถ ข้าศึกญวนล้มตายเป็นจำนวนมาก นับว่าเป็นการศึกครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์แห่งการสู้รบอย่างยิ่ง ชาวเมืองประจันตคามได้ร่วมรบโดยมีพระภักดีเดชะเป็นแม่ทัพนำพล แต่ในที่สุด ด้วยการรบอย่างอาจหาญสามารถพระภักดีเดชะเสียชีวิตในสนามรบอย่างชายชาติทหารกล้า
แม้พระภักดีเดชะจะเสียชีวิตในสนามรบไปนับร้อยปีเศษแล้วก็ตาม ประชาชนชาวประจันตคามยังกล่าวถึงและเคารพสักการะพระภักดีเดชะไม่เสื่อมคลาย ในฐานะที่ท่านได้เป็นผู้ก่อตั้งเมืองประจันตคาม และเป็นผู้ก่อตั้งเมืองประจันตคาม และเป็นผู้ประกอบกิจอันเป็นคุณยิ่งแก่ประเทศชาติจนเสียชีวิต
ปัจจุบันศพพระภักดีเดชะยังฝังอยู่ที่วัดแจ้ง โดยมีผู้ที่จงรักภักดีร่วมกับญาติมิตรของท่าน ได้สร้างมณฑปครอบคลุมที่ฝังศพไว้และมีคนไปบวงสรวงสักการะประจำตลอดปี และ สำหรับตระกูล เดชสุภา ในปัจจุบันคือลูก -หลานเหลนโหลนของท่านพระภักดีเดชะ (ท้าวอุเทน) พระครูมงคล หรือ หลวงปู่ใหญ่ กล่าว
ด้าน นางจรวยพร มั่นสิริ อายุ 74 ปี กล่าวว่า บ้านอยู่ตลาดประจันตคาม อาชีพข้าราชการเป็น แม่ของตนเองเป็นลูกสาวคนแรก มีสมบัติของทวด(พระภักดีเดชะ หรือท้าวอุเทน) เป็นเครื่องเงิน มีเป็นเล่มเกวียน แต่ก็แบ่งกันไปหมดทุกคน ส่วนหนึ่งก็นำไปสร้างพระหล่อพระ ชวด มีภรรยาทั้งหมด 7 คน สิ่งที่ทวด-ชวด ชอบมาก ที่สุดคือน้ำชา น้ำส้ม น้ำเปล่า น้ำหอม นางจรวยพร กล่าว
ด้านนางทิพย์พร้อมสามี พ่อค้า-แม่ค้าหอยทิดเจ้าอร่อย อ.ประจันตคาม กล่าวว่า นำหอยทอดอร่อย ๆ มาขายทุกครั้งที่มีการจัดงาน ที่ผ่ามาสร้างรายได้ต่อคืนมากกว่า 10,000 บาท /คืน
ที่มา: สำนักข่าวคาดเชือก
เว็บไซต์: https://kardchuek.net