ปคบ. บุกทลายเครือข่ายทุนจีน – เวียตนาม ลักลอบขายผลิตภัณฑ์นมผงวิเศษ สรรพคุณครอบจักรวาล – เครื่องสำอางค์ปลอม ยึดของกลางรวมกว่า 42 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 พ.ย. ที่ ชั้น 12 อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ว่าที่ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.4 บก.ปคบ. และ ตัวแทนเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมแถลงผลการจับกุมคดีสำคัญ 2 คดี ยึดของกลางรวมมูลค่ากว่า 42 ล้านบาท
พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า สำหรับคดีแรก ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. เปิดปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายชาวเวียตนาม โฆษณาขายนมผงสรรพคุณสารพัดเกินจริง เข้าตรวจค้นอาคารพานิชย์ และ บ้านพัก จำนวน 2 จุด ในพื้นที่ จ.ชลบุรี สามารถตรวจยึด นมผงหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ และ อุปกรณ์ต่างๆ รวม 43,411 ชิ้น มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
“ที่ไปที่มาของการเปิดปฏิบัติการดังกล่าวเนื่องจาก ตรวจพบเว็บไซต์จำนวน 4 เว็บไซต์ โฆษณาประกาศขายผลิตภัณฑ์นมผงยี่ห้อ OVISURE GOLD อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง อาทิ ช่วยปกป้องระบบหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน เสริมสร้างสติปัญญา บรรเทาอาการปวดข้อปวดไหล่ได้ภายใน 3 วัน ป้องกันโรคกระดูกพรุน และ อาการเหน็บชา รวมถึงยังมีการกล่าวอ้างว่าเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าและผ่านการรับรองจาก อเมริกา จนมีผู้หลงเชื่อสั่งซื้อมารับประทานเป็นจำนวนมาก” ผบก.ปคบ. กล่าว
ว่าที่ พล.ต.ต.วิทยา กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบ พบว่า มีการทำกันเป็นเครือข่าย โดยมี นายทุนชาวเวียดนาม เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ส่วนตัวผลิตภัณฑ์จะลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเวียดนาม ก่อนนำมาเก็บไว้ตามอาคารให้เช่าต่างๆ เพื่อรอการจำหน่าย เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้า แอดมินเพจจะส่งข้อมูลการสั่งซื้อให้กลุ่มผู้ต้องหาชาวเวียดนามทำการบรรจุ และส่งให้กับลูกค้าในประเทศไทย จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั้ง 2 แห่ง ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ที่ถูกใช้เป็นแหล่งจัดเก็บและกระจายสินค้า จนนำมาสู่การตรวจยึดของกลางมูลค่ากว่า 40 ล้านบาทมาตรวจสอบ พร้อมกับคุมตัว กลุ่มพนักงานชาวเวียตนาม จำนวน 8 ราย ที่อยู่ในสถานที่ดังกล่าว มาดำเนินคดี ในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง,ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา,ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ, ร่วมกันขายเครื่องมือแพทย์ที่มิได้รับใบจดแจ้ง, ร่วมกันเป็นบุคคลต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”
“นอกจากนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า ตั้งแต่ เดือนสิงหาคม 2566 – ปัจจุบัน รวมระยะเวลา 3 เดือนมีเงินค่าสินค้าหมุนเวียนในบัญชีกว่า 175 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้ทาง กก.4 บก.ปคบ. จะเร่งดำเนินการขยายผลเอาผิดกลุ่มนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป”
พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวว่า สำหรับคดีต่อมา ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. สนธิกำลังร่วมกับ อย. นำกำลังเข้าตรวจสอบตรวจคันโกดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ซอยเทียนทะเล 20 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ก่อนตรวจยึด ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอม ยี่ห้อคอสมิค แฮร์ รีมูฟเวอร์ สเปรย์ พลัส จำนวน 3,100 ชิ้น,ผลิตภัณฑ์สบู่พฤกษา นกแก้ว ต้องสงสัยว่าปลอม 20 ชิ้น เครื่องสำอางไม่แสดงฉลากภาษาไทย 2,262 ชิ้น ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 2 รายการ, ผสิตภัณฑ์
สมุนไพรไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ จำนวน 11 รายการ และ อุปกรณ์เซ็กส์ทอยกว่า 210 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท
ผกก.4 ปคบ. กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียน
จากบริษัท ที่เอ็นเค บิวดี้ จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กำจัดขน คอสมิค แฮร์ รีมูฟเวอร์ สเปรย์ พลัส ว่าพบ การปลอมและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแพร่ระบาดใน
แพลตฟอร์มขายของออนไลน์เป็นจำนวนมาก จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่ามีการทำเป็นขบวนการโดยมีชาวจีนเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง ลักลอบนำเข้าสินค้าปลอมเหล่านี้เข้ามาจากประเทศจีน ก่อนนำมาจำหน่ายตามแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆให้กับลูกค้าในไทย โดยใข้โกดังย่านแสมดำ เป็นสถานที่จัดเก็บและกระจายสินค้า จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลเข้าตรวจค้นจนนำมาสู่การตรวจยึดของกลางมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ได้ดังกล่าว
พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าว อย่างไรก็ตามระหว่างเข้าตรวจค้น พบ น.ส.จารุณี (สงวนนามสกุล) พนักงานชาวไทย และ MISS CHUNCHEN (สงวนนามสกุล) สัญชาติ จีน แสดงตัวเป็นเจ้าของสถานที่ จึงคุมตัวดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ฐาน “ขายเครื่องสำอางปลอม” พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน “ขายยาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา” พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ.2562 ฐาน “ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มิได้ขึ้นทะเบียนตำรับ” พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ฐาน “มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม และ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐาน”ขายวัตถุหรือสิ่งของลามก” ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ที่มา: สำนักข่าวคาดเชือก
เว็บไซต์: https://kardchuek.net