นนทบุรี วงจรปิด สาววัย 21 ปี ร้องขอความเป็นธรรมหลังถูกหนุ่มใหญ่เมาขับปิคอัพชนจนโคม่า ไม่เคยเหลียวแลแถมคดีไม่มีความคืบหน้า

นนทบุรี วงจรปิด สาววัย 21 ปี ร้องขอความเป็นธรรมหลังถูกหนุ่มใหญ่เมาขับปิคอัพชนจนโคม่า ไม่เคยเหลียวแลแถมคดีไม่มีความคืบหน้า

นนทบุรี วงจรปิด สาววัย 21 ปี ร้องขอความเป็นธรรมหลังถูกหนุ่มใหญ่เมาขับปิคอัพชนจนโคม่า ไม่เคยเหลียวแลแถมคดีไม่มีความคืบหน้า

 จากกรณีโลกออนไลน์โพสต์ข้อความว่า “#จังหวัดนนทบุรี แอดคะ ขอความช่วยเหลือหน่อยค่ะ พอดีหนูถูกคนเมาขับรถชน ขณะจะกลับไปทำงานในช่วงดึกแล้วทางคนชนเหมือนจะไม่รับผิดชอบอะไรเลย พรบ.รถก็ไม่มี ตอนเข้าโรงพยาบาลไม่มีการมาเยี่ยมหรือถามอาการใดๆเลย ตอนนี้หนูอยากให้เขารับโทษที่เขาทำมากค่ะ เพราะหนูก็อาการสาหัส ฟันหน้าจากที่เคยมีร่วงหมดปาก แขนก็หักค่ะ แจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 66 คะ ฝาก #เพจสายไหมต้องรอด ช่วยหนูด้วยนะคะ #ฝาก พี่ต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. , ผบช.ภ.1 , ผบก.ภ.จว.นนทบุรี , ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ ให้ความเป็นธรรมกับเหยื่อคนเมาแล้วขับด้วยนะคะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 1”

 เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 17 ต.ค. 66 ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านสนามบินน้ำ โดยได้รับการเปิดเผยจากน.ส.สุวิมล อินทร์กอง หรือน้องสุ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปวส. ปี 2 วิทยาลัยเทคโนโลยีวิมลบริหารธุรกิจ คณะบัญชี หลังน้องสุ ถูกนายรณชัย คล่องใจ อายุ 38 ปี ขับรถปิคอัพ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีบรอนซ์เทา (แบบแคป) ชนท้ายรถจยย.ที่เพื่อนขี่ และมีน้องสุซ้อนท้าย จนน้องสุได้รับบาดเจ็บอาการโคม่า ฟันหน้าหักหมดปาก แขนขวาหักต้องใส่เหล็กดามไว้ สะโพกขวาฉีกขาดเป็นแผลยาว เย็บถึง 70 เข็ม นอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนานหลายวัน แต่คู่กรณีกลับไม่เคยเหลียวแลมาเยี่ยมเยียน หรือถามไถ่อาการ รวมทั้งไม่รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยสักนิดเดียว

 น.ส.สุวิมล หรือน้องสุ รายนี้กล่าวด้วยเสียงอันเศร้าว่า ตนหารายได้พิเศษเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว ด้วยการไปทำงานเข้ากะเป็นพนักงานอยู่ที่ร้านอาหารสุกี้ตี๋น้อย เชิงสะพานพระนั่งเกล้า คืนวันที่ 20 ก.ย. 66 เวลา 01:30 น ขณะตนเองซ้อนจักรยานยนต์เพื่อนชาย เพื่อจะไปทำงานด้วยกัน ระหว่างที่วิ่งมาถึงบริเวณตลาดฐานเพชร ตรงข้ามกับตลาดนกฮูก จู่ๆ นายรณชัยก็ขับรถพุ่งชนท้ายรถเพื่อนตนเอง จนกระเด็นไปข้างหน้า เพื่อนได้รับบาดเจ็บไม่มาก ส่วนตนเองนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างที่เห็น ตอนเกิดเหตุตนสลบไปนาน ฟื้นอีกทีนึงก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว หลังเกิดเหตุการณ์ ผ่านมาจนจะเกือบ 1 เดือน คู่กรณี ไม่เคยมาเยี่ยมเยียนตนเองเลย แม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยติดต่อมาหา พ่อของตนเองพยายามโทรเขาก็ไม่รับสาย ตนก็ไม่ทราบว่า ทำไมเขาถึงใจดำ ใจร้ายขนาดนี้ อยากให้ออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เขาทำลงไปด้วย

 ทางด้านนายสกล อินทร์กอง อายุ 46 ปี พ่อของน้องสุ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทางตนได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ไว้แล้ว ตนเองรู้สึกแปลกใจมากที่คู่กรณีเมาอย่างหนักตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ถึง 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่มีการดำเนินการอะไรมากกว่านี้เลย แถมยังให้นายรณชัยคนขับรถรายนี้ที่ขับชนลูกสาวตนจนโคม่า นำรถออกไปขับหากินตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนไปติดต่อพนักงานสอบสวนถึง 2 ครั้งแล้วคดีก็ไม่มีความคืบหน้า บอกแต่เพียงว่าติดต่อคนขับรถไม่ได้ ตนจึงถามกลับไปว่าแล้วทำไมถึงคืนรถให้กับคู่กรณี พนักงานสอบสวนตอบกลับมาให้ฟังแบบที่ไม่เชื่อหูเลยว่า "รถไม่ผิดคนขับผิด ก็ต้องให้เขาเอารถกลับไป" ตอนนี้ลูกสาวตนเองรักษาตัวหมดไปกว่า 200,000 บาทแล้ว ต้องใช้ประกันสังคม ส่วนคู่กรณีไม่ยอมทำเรื่องเบิกพรบ.ให้ ตนต้องเบิกพรบ.จากรถจักรยานยนต์ของเพื่อนลูกสาวมาเป็นค่ารักษา ขณะนี้ตอนนี้ทางคุณหมอที่รักษาเกี่ยวกับเรื่องฟันของลูกสาวที่ร่วงจนเกือบหมดปาก บอกว่าฟันแต่ละซี่จะต้องมีค่าใช้จ่ายซี่ละถึง 10,000 บาท ในการดูแลรักษา ส่วนนี้ก็ไม่สามารถเบิกจากที่ไหนได้ เพราะประกันสังคมเบิกได้แค่ 900 บาทเอง ตนอยากให้เขาออกมารับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย และขอวิงวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีเร่งดำเนินการ เอาผิดกับคู่กรณีที่ขับรถชนลูกสาวตนเองจนมีสภาพแบบนี้ ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมีจิตใจไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ อยากให้เขาออกมารับผิดชอบพูดคุย เพื่อเจรจาในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่าทำเหมือนชีวิตลูกสาวตนไม่มีค่าแบบนี้เลย

ที่มา: สำนักข่าวคาดเชือก
เว็บไซต์: https://kardchuek.net

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,495 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *