นนทบุรี วงจรปิด ยายวัย 72 ปี ถูกคนร้ายตีเนียนหลอกใช้แบงค์พันปลอมจ่ายค่าอาหารเจ

นนทบุรี วงจรปิด ยายวัย 72 ปี ถูกคนร้ายตีเนียนหลอกใช้แบงค์พันปลอมจ่ายค่าอาหารเจ

นนทบุรี วงจรปิด ยายวัย 72 ปี ถูกคนร้ายตีเนียนหลอกใช้แบงค์พันปลอมจ่ายค่าอาหารเจ

 เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 16 ต.ค. 66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางพิมพ์วลัญช์ เจริญสุขสุวรรณ อายุ 50 ปี เจ้าของร้านน้ำแข็งไส “ติดหวาน” ต.บางศรีเมือง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ว่าถูกคนร้ายตีเนียนมาซื้ออาหารเจในร้าน ราคา 200 บาท ก่อนใช้แบงค์พันปลอมจ่าย และได้ทอนเงินจำนวน 800 บาทไป ซึ่งตอนแรกได้มีการปฏิเสธรับแบงค์พันปลอมไปแล้ว บอกว่าไม่มีเงินทอน แต่แม่เกิดความเสียดายเพราะเพิ่งขายของได้จึงรับไว้และเดินไปแลกที่เซเว่นใกล้ร้าน หลังจากซื้อขายและทอนเงินเสร็จ คนร้ายจึงรีบเดินหลบหนีไป ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง พนักงานเซเว่นเดินมาหาที่ร้านและแจ้งว่าแบงค์ที่นำไปแลกเป็นแบงค์พันปลอม แม่จึงขอรับผิดชอบด้วยการคืนเงินไปเพราะกังวลว่าจะมีความผิด

 ภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 15 ต.ค. 66 จับภาพคนร้ายเป็นชายรูปร่างท้วม อายุประมาณ 50 ปี ใส่เสื้้อโปโลแขนสั้นสีกรมท่า สวมกางเกงลายพรางสีครีม ใส่รองเท้าผ้าใบ และสวมหมวกแก๊ป ทำทีเข้ามาขอซื้ออาหารเจ คือ ผัดหมี่ซั่ว 3 กล่อง และปอเปี๊ยะทอด 2 กล่อง ราคา 200 บาท จากนั้นได้นำแบงค์พันปลอมยื่นมาให้เจ้าของร้าน เจ้าของร้านจับดูเห็นแปลกๆจึงจะไม่รับ แต่คนร้ายออกอุบายว่ามีแค่แบงค์พันใบเดียวเพิ่งกดเงินจากตู้ ATM คาดว่าเป็นแบงค์ใหม่ แม่เจ้าของร้านจึงรับอาสาเดินไปแลกเงินที่เซเว่นให้ และนำมาทอนคนร้าย ก่อนที่คนร้ายจะรับอาหารเจและเงินทอน เดินหลบหนีไป

 นางสมบูรณ์ ปลื้มผล อายุ 72 ปี (แม่เจ้าของร้าน ผู้ที่นำเงินแบงค์พันปลอมไปแลกเซเว่น) กล่าวว่า มีผู้ชายเดินผ่านหน้าร้านไปทางร้านลอตเตอรี่ ร้านลอตเตอรี่เห็นว่าแบงค์ไม่สวยจึงจะไม่รับ คนร้ายจึงเดินกลับมาที่ร้านของตน พร้อมสั่งหมี่ซั่ว และปอเปี๊ยะทอด รวมกันได้ 200 บาท ลูกสาวของตนรับแบงค์พันไปแต่เอะใจว่าทำไมแบงค์พันมีลักษณะแปลกๆ คนร้ายแจ้งว่าเจ้านายเพิ่งกดเงินมาให้ ลูกสาวของตนบอกว่าไม่มีเงินทอน งั้นให้เอาของที่ซื้อไปคืนมา ตนเห็นว่าเป็นเงิน 200 บาท จึงอาสาจะไปแลกเงินที่เซเว่นให้ จากนั้นตนจึงเดินไปแลกเงิน พนักงานเซเว่นก็รับแลกและไม่ได้พูดอะไร ตนจึงเดินกลับมาทอนเงินให้คนร้ายไป 800 บาท พร้อมอาหารเจที่คนร้ายสั่ง หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง พนักงานเซเว่นเดินมาหาตนและแจ้งว่าแบงค์พันที่นำไปแลกเป็นแบงค์ปลอม ทำให้ตนรู้สึกเสียดายและตกใจมาก กลัวความผิด จึงกลับไปคุยที่เซเว่น สอบถามว่าได้แจ้งความหรือยัง ตนจะขอรับผิดชอบแลกเงินคืนและจะไปแจ้งความเอง เพราะตนไม่ได้ตั้งใจนำแบงค์ปลอมไปแลก ซึ่งตนไม่เคยเห็นหน้าคนร้ายมาก่อน แต่สังเกตว่าช่วงที่ตนเดินเอาเงินไปแลก คนร้ายเดินตามไปคอยจับตาดูตลอด ตนจึงคิดว่าคนร้ายรู้ว่าแบงค์พันคือแบงค์ปลอม ซึ่งเขาไม่มีท่าทีรุกรี้รุกรนอะไร ร้านลอตเตอรี่ก็ไม่ได้รับเงิน บอกกับตนว่าเหมือนแบงค์ปลอมเลยไม่รับ ตอนนี้ตนยังไม่ได้ไปแจ้งความเพราะเพิ่งเกิดเหตุเมื่อวาน อยากฝากเตือนให้พ่อค้าแม่ค้าระวังแบงค์พันให้ดี กำลังระบาดตอนนี้ ใครได้ไปก็เสียดาย กว่าจะหาเงินมาได้

 นางพิมพ์วลัญช์ เจริญสุขสุวรรณ อายุ 50 ปี เจ้าของร้านน้ำแข็งไส “ติดหวาน” กล่าวว่า เหตุเกิดประมาณช่วง เวลา 8-9 โมงเช้า ตนกำลังขายของและจะเก็บร้าน มีผู้ชายเดินเข้ามาซื้อปอเปี๊ยะทอด และหมี่ซั่ว รวมกันได้ 200 บาท คนร้ายจึงยื่นแบงค์พันมาให้ ตนรู้สึกว่าแบงค์มันแปลกๆคล้ายแบงค์ปลอม จึงขอเปลี่ยนแบงค์ แต่คนร้ายตอบว่าไม่มีเลย เจ้านายเพิ่งให้แบงค์ใบนี้มา ตนจึงขอไม่รับ แต่คุณแม่ของตนเดินมาพอดี อาสาจะไปแลกที่เซเว่นให้ ตนแอบกระซิบแม่แล้วว่าเหมือนแบงค์ปลอม คิดว่าเดี๋ยวเซเว่นคงไม่ให้แลกเพราะต้องรู้แน่ว่าเป็นแบงค์ปลอม แม่จึงเดินไปแลกเงินและเดินกลับมาบอกว่าเซเว่นให้แลก ตนรู้สึกไปไม่เป็น ตกลงเป็นแบงค์จริง ออกใหม่หรืออย่างไร คนร้ายก็ยืนรออยู่ จึงให้ของไปและทอนเงินกลับไป 800 บาท ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง พนักงานเซเว่นเดินกลับมาตามหาคุณแม่ของตน และแจ้งว่าแบงค์ที่นำไปแลกเป็นแบงค์ปลอม ซึ่งพนักงานบอกกับตนว่าสาเหตุที่ไม่รู้ตั้งแต่แรก เพราะต้องรอนำเงินเข้าเครื่องแล้วใช้ปากกาขีด จึงจะรู้ว่าแบงค์ไหนของจริงหรือปลอม ตนจึงบอกกับพนักงานเซเว่นว่าถ้าทำแบบนี้อาจจะรู้ตัวช้าไป สมมติว่าเจอแบบนี้ 10 คน ความเสียหายเป็นหมื่น น่าจะตรวจเช็คก่อนรับเงิน ซึ่งตนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ครั้งนี้คือครั้งแรก แบงค์ปลอมตอนจับครั้งแรก ไม่เห็นลายน้ำ เนื้อกระดาษไม่เหมือนแบงค์พันทั่วไป สีแบงค์ไม่ใกล้เคียงเลย แต่เข้าใจคุณแม่คนขายของก็อยากได้เงิน ฝากเตือนพ่อค้าแม่ค้าทุกคน หากจะรับแบงค์อะไรให้ตรวจเช็คให้ดี จะเป็นคนรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร เศรษฐกิจก็ไม่ดี เงินใครก็อยากได้ จริงๆ ที่นำเงินไปแลกเซเว่นเพราะมั่นใจว่าจะชัวร์กว่าตน เพราะตนแค่ใช้สายตามอง ซึ่งตนอยากเตือนภัยและหลังจากนี้คงจะเลี่ยงรับแบงค์พัน เน้นให้สแกนจ่ายดีกว่า และอาจจะไปแจ้งความอยากให้ตำรวจนำรูปแบงค์ปลอมมาติดไว้ตามตลาดเพื่อเป็นการเตือนภัย

ที่มา: สำนักข่าวคาดเชือก
เว็บไซต์: https://kardchuek.net

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,500 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *