นนทบุรี ต่อข่าว เปิดใจอดีตภรรยาสาวโต้พ่อค้าอาหารตามสั่งเลิกรามา6เดือนแล้ว
จากกรณีนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมลงพื้นที่ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านซอยวัดกู้ หลังนายธนกร วราพรไชย อายุ 41 ปี พ่อค้าขายอาหารตามสั่งร้องเรียนขอความเป็นธรรม เพราะจับได้ว่าภรรยา คือ น.ส.ปลา อายุ 38 ปี แอบไปมีชายอื่นทั้งๆที่แต่งงานอยู่กินด้วยกันจนมีลูกสาว 3 คน คือน้องพู่ อายุ 13 ปี น้องพร้อม อายุ 11 ปี และ น้องพันสา อายุ 7 ปี
ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมาตลอดยังมีความสุข ต่อมาตนประสบปัญหา ด้านการเงิน ทำให้ถูกยึดรถยนต์ที่ซื้อให้ภรรยา ทำให้ชีวิตคู่ เริ่มมีปัญหาเกิดปากเสียงทะเลาะเบาะแว้งกัน จนมาระยะหลังตนจับได้ว่า ภรรยาได้ย้ายห้องไปอยู่ที่ใหม่แห่งหนึ่งซึ่ง เป็นห้องของพี่สะใภ้ของเขาใกล้กับชายคนใหม่ ตนมาทราบทีหลังว่าชายดังกล่าว เป็นคนพิการ นั่งรถเข็นวิวแชร์ และทั้งสองคบหามีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งโดยภรรยาได้นำลูก สาวทั้ง 3 คนไปด้วย
จนกระทั่งวันที่ 22 พฤศจิกายน 65 ตนขี่จยย.ผ่านห้องของชายคนใหม่ พบว่าเสื้อยกทรง 2 ตัวและกางเกงในที่ตนเองซื้อให้ภรรยาแขวนอยู่ราวหน้าต่างของชายคนใหม่ ทำให้ตนเองโกรธแค้นอย่างมากจึงยืนด่าภรรยาด้วยคำหยาบคายนานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ภรรยาและชายคนใหม่ก็ไม่ยอมออกมาจากห้องตนโมโห จึงเดินไปสับสวิตช์คัทเอาท์ที่อยู่หน้าห้องลง
จนกระทั่งเวลาต่อมาตนได้ถูกภรรยาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภปากเกร็ดให้ดำเนินคดีตนเองในข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน ซึ่งเมื่อวันที่ 14 มกราคม 65 ตนได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและปฏิเสธข้อกล่าวหา ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันตอนซื้อรถผ่อนรถให้เขาแต่เขากลับหนีไปมีชายอื่นตนก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทิ้งตนเอง นายธนกรพ่อค้าอาหารตามสั่งกล่าวด้วย เสียงสั่นเครือ
ขณะที่ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ตนอยากให้ฝ่ายผู้หญิงมาเจรจามาพูดคุยกันก่อนว่าจะเอายังไง เพราะแต่ละฝ่ายมีลูกด้วยกัน 3 คน เดี๋ยวถ้าเดินหน้าต่อระวังจะจบไม่สวย การที่จะบอกว่าสามีลักทรัพย์ต้องมีหลักฐาน มีของกลางด้วย ตนยังไม่ได้ไปตามที่ร้อยเวรโรงพักปากเกร็ดนะ คดีแบบนี้ตนอยากให้มองด้วยฟว่าคนนี้คือพ่อของลูกตัวเอง จะทำอะไรคิดให้ดีๆอย่าใช้อารมณ์ เรื่องแบบนี้ผู้ใหญ่ต้องไปคุยกันเอง อย่าลืมว่าทางนู้นมีสิทธิ์แจ้ง ทางนี้ก็มีสิทธิ์แจ้งเหมือนกัน ต่างคนต่างมีสิทธิ์ ตนอยากจะบอกว่าตอนที่สามีเขาไปเจอเหตุการณ์ที่ภรรยาอยู่กับชายคนใหม่ตำตา โชคดีที่สามีไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน ถ้าเขาอารมณ์ร้อนอาจจะไม่จบที่คุณมีโอกาสแจ้งความเขา มีคนมาปรึกษาตนทุกวันในเรื่องชู้สาวภายในครอบครัว เราต้องมีศีล 5 กันบ้าง จะได้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้น ถ้าไม่อยากอยู่กับสามีบอกเลิกเขาดีๆให้มันจบ ก่อนจะไปมีคนใหม่แค่นั้น ในส่วนของเรื่องคดีอย่างแรกเลยฝ่ายภรรยาไม่มีหลักฐานว่าสามีเอากางเกงในไป คุณระวังจะโดนแจ้งความเท็จ ต่อให้เอาไปจริงเขาก็ขาดเจตนา เมื่อกี้ภรรยาเห็นตนเข้ามาที่บ้านแล้วขับรถออกไปอยากให้มานั่งคุยกันกับสามีตัวเองก่อน เรื่องมันจะได้ จบ ไม่อย่างนั้นเรื่องมันยาว ตนอยากฝากว่าคุณมีลูกด้วยดัน คุณจะเอาแม่ เอาพ่อของลูกเข้าคุกไม่ได้ เด็กต้องอยู่กับพ่อและแม่ ไปตั้งหลักตั้งสติใหม่ สามีภรรยาที่อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนสมรส สิทธิ์ทางกฎหมายมันไม่เกิด ไปฟ้องไม่ได้ แต่สิทธิ์บันดาลโทสะมันเกิดได้แต่ไม่ใช่ให้ไปตีกัน เล่าให้เป็นอุทาหรณ์ว่ามันเกิดขึ้นได้
ตอ่มาเมื่อเวลา 22.00 น วันที่ 15 มกราคม 66 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางสาวลูกปลา และนายน้อยอายุ 48 ปีชายพิการนั่งรถวิลแชร์ซึ่งเป็นเพื่อนๆชายคนสนิทของนางสาวลูกปลา โดยนายน้อยได้เปิดเผยว่า ตนกับน้องผู้หญิงไปมาหาสู่และช่วยเหลือกัน น้องเขาอยู่ตึกข้างๆ เวลาที่ตนอยากขอความช่วยเหลืออะไรที่เขาพอจะช่วยได้น้องก็มาช่วย เช่น บางทีตนทำงาน ต้องซื้อข้าว น้องผู้หญิงเขาก็มาซื้อข้าวให้ หาซื้อให้ ตนก็เอาเงินฝากน้องไปซื้อ หรืออย่างมีอยู่ครั้งหนึ่งตนไม่สบายถ่ายเป็นเลือดน้องเขาก็มาช่วย รู้จักน้องเขามา 9 ปีแล้ว ตนเคยเป็นลูกค้าที่ร้านแม่ของน้องผู้หญิงซึ่งเป็นร้านทำผม ตนไปตัดผมเพราะเข้าไปในร้านสะดวกเพราะรถวีลแชร์เข้าได้ รู้จักกันมานาน ตัวน้องผู้หญิงเป็นคนจิตใจดี เขาจะมาถามตนเสมอมีอะไรให้ช่วยเหลือมั้ย อยากให้เขาช่วยอะไรก็วานได้ คือเป็นความรู้สึกที่ดีกันมาตลอด มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน อนาคตเป็นยังไงตนบอกไม่ได้ ตนก็รู้สึกดีกับน้องเขา แต่ถ้าน้องเขามีปัญหาตนจะคอยให้กำลังใจน้อง และบอกกับเขาอย่าคิดมาก ทุกทางมีทางแก้ ตนก็แก้ปัญหาชีวิตตัวเองมาตลอดระยะเวลา 30 กว่าปี ตนจะไปเกินเลยกับน้องเขาคงไม่ได้ ตนพิการมาตลอดตั้งแต่คอลงไปก็อ่อนแรงทำอะไรไม่ได้ จริงๆแล้วมันเป็นความรู้สึกดีต่อกันมากกว่า อนาคตเรารู้สึกดีและเขาเคลียร์ปัญหาครอบครัวลงตัวถามว่าตนมีความเป็นไปได้มั้ยที่จะแต่งงานกัน มีอนาคตด้วยกันมันก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่ทุกวันนี้ตั้งแต่ช่วงคอตนก็อ่อนแรงไม่สามารถไปปฏิบัติอะไรเหมือนที่ผู้ชายคนอื่นทำได้
ขณะที่ นางสาวลูกปลา อดีตภรรยา นายธนกร กล่าวว่า ตนเลิกกับนายธนกรอดีตสามีมานาน 5-6 เดือนแล้ว กับพี่น้อยเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรแบบที่อดีตสามีตนกล่าวหา เพราะพี่เขาไม่สามารถขยับได้ตั้งแต่คอลงไปจนถึงด้านล่าง ชีวิตประจำวันของพี่เขาต้องมีคนช่วยเหลือตลอดเวลา มันเป็นความรู้สึกช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พี่เขาเข้าใจตน ในมุมมองตนพี่เขาอบอุ่นและให้กำลังใจตนดี ตนก็ช่วยเหลือพี่เขา ถามว่าจะมีความสัมพันธ์อะไรแบบที่อดีตสามีตนพูดคงเป็นไปไม่ได้ เรื่องรถยนต์เป็นชื่อคุณแม่ ส่วนเงินดาวน์ช่วยกันหามามีเงินของคุณแม่ด้วย ส่วนการผ่อนชำระค่างวดรถตนก็เป็นคนผ่อนเองมาตลอด ถึงจะมีการรีไฟแนนซ์ตนก็ยังเป็นคนผ่อนชำระเองเหมือนเดิม เขาไม่ได้มารับผิดชอบตรงนี้ โทรศัพท์มือถือน้องชายเป็นคนโอนเงินมาให้ หลักฐานการแชท การโอนเงินก็มีอยู่ แต่สามีเขาบอกกับตำรวจว่าเขาซื้อและอยากได้โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ ตนเป็นคนจ่ายเงินเองแต่เสียเปรียบตรงที่ตนไปจดสัญญาเป็นชื่ออดีตสามี ทางกฎหมายเลยเอื้อประโยชน์ให้กับคนที่ถือสัญญา ซึ่งตนไม่ได้อยากให้มันยุ่งยาก ซึ่งของแค่นี้น้องชายก็บอกกับตนว่าให้คืนไป และเดี๋ยวน้องซื้อให้ใหม่ ตนเลือกที่จะคืนเพื่อให้เรื่องมันง่ายขึ้น ไม่ต้องไปเอาของเขาซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นเงินที่ตนนำไปซื้อเอง ถ้าจะให้ตนพูดตามตรงตนถูก อดีตสามีคุกคามตนมาหลายรอบแล้ว ไม่ว่าจะกระโดดขึ้นหน้ารถ กระทืบกระจกหน้ารถ ด่าทอต่อหน้าสาธารณชนด้วยคำหยาบคาย ประจานตน ด่าด้วยสารพัดคำที่หยาบคาย ตรงนี้ตนยืนยันว่าจะไม่ขอถอนแจ้งความเรื่องลักทรัพย์ เรื่องลูกเป็นสิทธิ์ขาดของแม่เนื่องจากตนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับเขาตอนที่ตนเลี้ยงลูกเองทั้ง 3 คน ตนไม่เคยกีดกันเขา ไม่เคยกีดกันแม่สามีไม่ให้มาหาลูก แต่พอตอนนี้สามีเอาลูกคนเล็กไปซึ่งไม่ให้ตนเจอเลย ไม่ให้โทรหา ไม่ให้ติดต่อ ตนมองว่าสิ่งที่เขาทำตรงนี้มันเกินไป คนเป็นแม่ที่อุ้มท้องมาและเลี้ยงลูกเอง ถามว่ามันก็เจ็บปวดแต่ตนไม่รู้จะทำยังไงที่จะไปเอาลูกมา จะไปทะเลาะหรือทำอะไรแบบที่สามีทำตนคงไม่ทำ ได้แต่รอว่าถ้าวันนึงคดีมันดำเนินไปจนสุดทาง ตนมีโอกาสได้ฟ้องเอาลูกคืนมาตนก็จะทำ ถึงต่อให้ลำบากแต่ลูกคือหัวใจของตน ระยะเวลาที่ผ่านมาสามีตนไม่เคยรับผิดชอบค่าเทอมลูก ลูกคนโตเรียนจบป.6 จะไปต่อ ม.1 ไปต่อไม่ได้เพราะติดค่าเทอม เขาก็ไม่หามาจ่าย ตนต้องไปยืมเงินน้องชายมาจ่ายค่าเทอมให้ลูก ต้องจ่ายเกือบ 30,000 บาท เพื่อให้ลูกไปได้เรียนต่อโรงเรียนใหม่ ไปสมัครเรียนใหม่สามีก็ไม่มีเงินจ่าย ตนก็ยืมน้องชายมาจ่ายค่าเทอมให้ลูก ลูกคนกลางค่าเทอมก็ยังติดอยู่ซึ่งสามีเขาไม่ได้รับผิดชอบอะไร เหนือสิ่งอื่นใดการปฏิบัติต่อลูกเขาไม่ใช่พ่อที่ดี ดุได้ตีได้ แต่การทำร้ายจิตใจลูกด้วยคำพูดที่หยาบคายเกินไปตนก็รับไม่ได้ บางครั้งตนเคยคุยว่าเขาควรแก้ไขตรงนี้ คุยครั้งแล้วครั้งเล่าสามีก็ยังเหมือนเดิม ตนไม่อยากให้ลูกมีปัญหาหรือเติบโตมาแล้วได้รับความรู้สึกที่รุนแรง ตนมองว่าลูกโตไปจะมีปัญหา ตนมองว่าเขาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ตนไม่มีอะไรจะพูดถึงเขา สิ่งที่ควรพูดมีแค่เรื่องลูกว่าควรได้มาเจอแม่ สิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง ส่วนเรื่องรถที่เรามีกันคันแรกเขาก็เอาไปจำนำในบ่อน 70,000 บาทจนตนถูกไฟแนนซ์ตามทวงหนี้ จนถึงทุกวันนี้ในฐานะที่ตนเป็นคนค้ำประกัน
ที่มา: สำนักข่าวคาดเชือก
เว็บไซต์: https://kardchuek.net