“บิ๊กตู่” ยันตำรวจรับจ๊อบพิเศษนำขบวนวีไอพีนักท่องเที่ยวผิด ต้องลงโทษตามกระบวนการ ฉุนเจอสื่อถามคิดยังไงที่มีคนบอกว่าแค่มีเงินก็สามารถซื้อและทำอะไรก็ได้ในประเทศไทย ว้ากกลับ “แทนที่จะทำความเข้าใจเขา กลายเป็นว่าไปเห็นด้วยกับเขา มันก็มีทุกประเทศนั่นแหละ” ขณะที่ “ผบ.เด่น” ลั่นจากนี้จะไม่ให้โฆษกแต่ละ บช.ออกมาชี้แจง เพราะอาจจะทำให้คำตอบและข้อมูลสับสน ยันตำรวจสวมเครื่องแบบไปรับจ้างนอกเวลาจะใช้รถส่วนตัวหรือรถหลวงก็ผิดทั้งนั้น เพราะทำโดยพลการไม่ได้ทำตามคำสั่ง อยู่ระหว่างตรวจสอบมีใครเกี่ยวข้องอีก
กรณี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ต้นสังกัด ร.ต.อ.สมพล ภิญโญสโมสร รองสารวัตร กก.3 บก.ทท.1 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) ด.ต.ขจรศักดิ์ แผ่นผา ผบ.หมู่ กก.3 บก.ทท.1 ส.ต.อ.ธนกร นุกูลธนกิจ และ ส.ต.อ.ธนวัฒน์ สิมะขจรบุญ 2 ตำรวจสังกัด บก.จร. ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง พร้อมย้ายพ้นหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาโทษทางวินัย หากพบโทษอาญาให้ดำเนินการไม่ละเว้น เพราะกระทบ ภาพลักษณ์ประเทศ หลังปรากฏในคลิปฉาวบริการนักท่องเที่ยวสาวชาวจีน ขี่ จยย.นำขบวนและนั่งรถยนต์ ตำรวจไปส่งถึงโรงแรมที่พักในพัทยา เบื้องต้นพบว่า เป็นการใช้รถยนต์และ จยย.ส่วนตัวมาติดไซเรนและ สัญญาณไฟวับวาบ โดยรับจ๊อบพิเศษมาจากชายผู้หนึ่ง ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถเช่านักท่องเที่ยวที่ไปรู้จักกันและแลกเบอร์ติดต่อกันไว้
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคดีตำรวจรับจ๊อบนักท่องเที่ยวจีนใช้รถนำขบวนรับส่งที่สนามบินว่า เรื่องนี้เน้นย้ำไปแล้วหากผิดต้องดำเนินการตามขั้นตอน ใครทำผิด ก็ต้องลงโทษ การรับจ๊อบนอกราชการ เอารถราชการ ไปใช้ถือว่าทำผิด เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ต้องลงโทษป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ส่วนเว็บไซต์ต่างประเทศ ยังมีโฆษณาขายแพ็กเกจดังกล่าวอยู่นั้น ถ้าไม่ถูก ก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้กำลังปรับปรุง พ.ร.ก.เกี่ยวกับ การทำผิดทางออนไลน์ การโฆษณาเกินความเป็นจริง ขอให้การทำ พ.ร.ก.ผ่านก่อน ส่วนที่การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทยออกมาปฏิเสธว่า ไม่มี ทั้งที่เว็บไซต์ต่างประเทศบอกว่าทำกันมาเป็น 10 ปี เป็นการรีบ ปฏิเสธเกินไปหรือไม่นั้น ถ้ามีปัญหาก็แก้ไขต้องตรวจสอบ ถ้ามีการร้องเรียนมีหลักฐานปรากฏก็ต้องลงโทษมีหลายอย่างที่ต้องช่วยกันดูแล
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยปิดกั้นใคร สั่งให้ติดตามสืบสวนดำเนินคดี ไม่ได้ปล่อยปละละเลย แต่กลายเป็นว่าพอมีข่าวรัฐบาล กลับถูกกล่าวหาว่าทุจริต ขอให้ย้อนกลับไปดูก่อนหน้าที่ตนเข้ามาว่าเคยมีการดำเนินคดีหรือไม่ ต้องตรวจสอบย้อนหลังด้วยว่าทำกันมายาวนานหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมทุกอย่าง ส่วนจะซ้ำรอยกับทัวร์ ศูนย์เหรียญหรือไม่ กำลังทำให้ดีที่สุดไม่ให้ซ้ำรอย ไม่ให้กระทบกับภาพลักษณ์ประเทศและการท่องเที่ยว เมื่อถามว่า คิดยังไงที่มีคนบอกว่าแค่มีเงินก็สามารถซื้อ และทำอะไรก็ได้ในประเทศไทย นายกรัฐมนตรีตอบ อย่างมีอารมณ์ว่า “แล้วมันใช่มั้ยล่ะ มันใช่มั้ย เธอเป็น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมันใช่มั้ย ถ้าพูดอย่างนั้นมันใช่มั้ย แล้วแทนที่คุณจะทำความเข้าใจเขา กลายเป็นว่าคุณไปเห็นด้วยกับเขาไปด้วย มันก็มีทุกประเทศนั่นแหละ”
ขณะที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า สั่งการให้เร่งตรวจสอบถ้าหากมีข้อมูลอย่างที่มีการออกมาเปิดเผย หากมีหลักฐานชัดเจนจะลงโทษ ทั้งทางอาญาและวินัย แต่ตอนนี้ขอเวลาให้ชุดสอบสวน ได้ตรวจสอบ เนื่องจากภาพที่ปรากฏตามสื่อเป็นตำรวจ ท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง และตำรวจจราจรส่วนหนึ่ง อาจจะมีบุคคลอื่นร่วมกระทำผิดทั้งในส่วนของไกด์นำเที่ยว ต้องสอบสวนให้ครบทุกด้าน ให้จเรตำรวจลงไปตรวจสอบ ในทุกประเด็นแล้ว จากนี้จะไม่ให้โฆษกของแต่ละ บช. ออกมาชี้แจง เพราะอาจจะทำให้คำตอบและข้อมูลสับสนไม่ตรงกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีแนวทางแล้ว ว่า การจะนำขบวนใครก็ตามต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ การนำขบวนในเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ถูกต้องตามหลัก เกณฑ์ที่ตั้งไว้ เป็นการกระทำโดยพลการ มีความผิด ที่จะต้องลงโทษ ขอเวลาให้ตรวจสอบก่อนว่ามีใครที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ จะกี่ปีย้อนหลังสามารถตรวจสอบได้ อยู่ที่หลักฐานเป็นหลัก ถ้าออกมาพูด ปากเปล่า หรือพูดลอยๆคงตรวจสอบไม่ได้ แต่ถ้าผู้ใด มีข้อมูล ขอให้ส่งมาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ตรวจสอบ ยืนยันว่าพร้อมที่จะดำเนินการต่อ
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ยังยืนยันว่าตำรวจสวมเครื่องแบบไปรับจ้างนอกเวลาจะใช้รถส่วนตัวหรือรถหลวงก็ผิดทั้งนั้น เพราะทำโดยพลการ ไม่ได้ทำตามคำสั่งดังนั้นไม่มีหน้าที่ การจะนำรถไปใช้กิจการใดๆ ต้องมีเหตุและผลและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ก่อนหน้านั้นก็มีคำสั่งชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งนี้ พร้อมลงโทษ หากตรวจสอบพบว่าผิดจริง เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวและไม่เป็นเยี่ยงอย่างต่อเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ส่วนจะเร่งประสานให้เว็บขายของออนไลน์ ลบข้อมูลขายแพ็กเกจการจองท่องเที่ยวพร้อมรถนำขบวนหรือไม่ เรื่องนี้จเรตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบในทุกมิติ ทั้งข้อมูลฝ่ายที่เอาไปโพสต์และแชร์ และข้อมูลฝั่งตำรวจที่ให้ปากคำ ข้อเท็จจริงทุกอย่างจะต้องทำให้ปรากฏชัดเจนเปิดเผยได้ แต่ขอเวลาตรวจสอบเพื่อความรอบคอบและเห็นภาพรวมทั้งหมด ยิ่งมีข้อมูลว่าทำมานานแล้วก็ต้องไปตรวจสอบเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวต่อว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องไปรื้อระเบียบเกี่ยวกับรถนำขบวน เพราะเป็นการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่นอกลู่นอกทางไม่เกี่ยวกับระเบียบที่มี ส่วนจะเรียกสาวจีนที่โพสต์คลิปมาสอบถามเพิ่มเติมหรือไม่นั้น หากจเรตำรวจพิจารณาแล้วว่าจำเป็นจะประสานให้เข้ามาให้ปากคำ แต่ตอนนี้ผู้โพสต์อาจไม่อยู่ในประเทศไทยแล้ว ไม่ได้รู้สึกหนักใจที่ตอนนี้มีแต่ข่าวเสียหายของตำรวจแต่ถือเป็นการไปตรวจสอบถ้าตรงไหนที่ไม่ดีก็ต้องแก้ไข หลายเรื่องจำเป็นต้องใช้เวลาตรวจสอบจะด่วนสรุปเลยก็ไม่ได้ ขอให้ประชาชนใจเย็นเพราะตำรวจก็กำลังเร่งทำทุกคดีอย่างเต็มที่