“บิ๊กนัต” ระดมทีม “บิ๊กทหาร” ถอดรหัสการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม การป้องกันประเทศ เพื่อให้เกิดแรงผลักในระบบเศรษฐกิจของไทยในการพึ่งพาตนเอง ทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้
เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 66 ณ ห้องประชุมสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศ อดีต ผบ.ทอ. พร้อมด้วย พล.อ. ดร.อรัญ ชมไพศาล ประธานกลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คลังสมอง วปอ. และทีมที่ปรึกษาของสมาคม ร่วมกันถอดรหัสการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศให้เกิดแรงผลักในระบบเศรษฐกิจของไทย เมื่อ 25 ม.ค. 66 ณ ห้องประชุมสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศ และขออาสานำเสนอข้อมูลที่ตกผลึกแล้วให้ กลาโหม และ นกข.เร่งดำเนินการผลิตอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศให้เกิดขึ้นภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาจากต่างชาติ ซึ่งจะส่งผลให้ลดการสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศ อันจะเกิดแรงผลักในระบบเศรษฐกิจของไทย
พล.อ.อ.ศิริพล ศิริทรัพย์ ประธานคณะที่ปรึกษา อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศ เป็นโครงสร้างพื้นฐานและหลักประกันทางด้านความมั่นคงของประเทศ ต่อความพร้อมรบของทุกกองทัพในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเอง ซึ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศ เห็นได้ว่าถูกยกให้เป็นวาระสำคัญที่บรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 รวมถึงอยู่ในนโยบายของกระทรวงกลาโหม อีกด้วย
ดังนั้นเพื่อให้การพัฒนาเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและมีการขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว เป็นระบบและมีความยั่งยืน เห็นควรเสนอให้รัฐบาลมีการกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ อีกทั้งรัฐต้องส่งเสริม รวมถึงอาศัยกลไกที่ กห.ขับเคลื่อนอยู่แล้วเป็นแรงผลัก โดยมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน สำหรับการถอดรหัสครั้งนี้เป็นการระดมความคิดจากทีมที่ปรึกษาของสมาคมซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขามาช่วยระดมความคิดเห็น
ด้าน พล.ท.สมเกียรติ สัมพันธ์ ที่ปรึกษาสมาคม แจ้งว่าการถอดรหัส ว่าจะมองกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ซึ่งต้องอาศัย กลไกที่ กลาโหม และเหล่าทัพมีอยู่แล้ว รวมทั้งความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง สำหรับสมาชิกสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศ โดยแบ่งกลุ่มอุตสาหกรรมออกเป็น 12 Cluster ตั้งแต่อุตสาหกรรมยานยนต์ทหาร อาวุธและกระสุน ระบบ ไร้มนุษย์และหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมทางทะเล อากาศยานฉลาด ความมั่นคงทางไซเบอร์ เป็นต้น ให้มีความพร้อมมากยิ่งขึ้นโดยมุ่งสู่ระดับ Tier 2 ถึง บริษัทผู้ผลิต (OEM) และพยายามหา หนทางที่จะทำให้งานวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์ นำไปสู่การผลิตภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศขึ้นใช้ในราชการ และเพื่อการพาณิชย์ขึ้นภายในประเทศให้ได้ การดำเนินการจะเกี่ยวข้องกับหลากหลาย ภาคส่วน จะเป็นระบบใหญ่ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับเหล่าทัพ ไปจนถึง ระดับชาติ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงทบวงกรมในฝ่ายรัฐบาล หรือรัฐสภา ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งแน่นอนว่ากว่าที่จะประสบผลสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยความรักชาติ ความสามัคคี ความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
“ทางสมาคมจะได้นำผลที่ได้จากการประชุมไปหารือกับส่วนงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในโอกาสต่อไป โดยมุ่งเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้งเป็นจุดร่วมที่สำคัญที่สุด ทำอย่างไรจึงจะรักษาความมั่นคง ความสงบร่มเย็น รักษาผลประโยชน์ของชาติได้ ประเทศมีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและที่สำคัญที่สุดเราทำได้เองสำเร็จ สมดั่งพระราชปณิธานของในหลวง ร.9 เมื่อ 60 กว่าปีก่อน ทำให้เกิดความยั่งยืนขึ้นในชาติ ซึ่งจะเป็นการถอดรหัสการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศให้เกิดแรงผลักในระบบเศรษฐกิจของไทย เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ ส่งผลให้ GDP ของประเทศเติบโตได้ในที่สุด”พล.ท.สมเกียรติกล่าว.
ที่มา:ไทยรัฐ