เศร้า พ่อแม่พาลูกไปส่งที่โรงเรียน รถมาเร็วเข้าโค้งเสียหลักตกถนน เด็กหญิง 5 ขวบ กระเด็นออกจากรถ เสียชีวิต
เมื่อเวลา 7.30 น.วันที่ 6 มกราคม ร.ต.อ กิตติศักดิ์ อุดมรักษ์ รองสว.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์กระบะเสียหลักพลิกคว่ำตกข้างทาง มีผู้ได้รับบาดและเสียชีวิต ริมถนนสายวัดตองปุ-สายเอเชีย บริเวณทางโค้ง ม.3 ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ ไปให้การช่วยเหลือ
พบว่าถนนอยู่ระหว่างการก่อสร้างขยายถนนพื้นผิวการจราจรเป็นลูกรัง บริเวณทางโค้ง พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า สีบรอนซ์ พลิกคว่ำตกลงไปข้างทาง สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้า และพบศพ เด็กหญิงไข่หวาน อายุ 5 ปี สวมใส่ชุดนักเรียน มีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะ มี น.ส ชวิศา อายุ 27 ปี ผู้เป็นแม่ และนายฉัตรชัย อายุ 35 ปี ผู้เป็นพ่อ ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลตามร่างกาย นั่งกอดร่างของลูกสาวร่ำไห้อยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เด็กหญิงอายุ 8 ปี ลูกสาวคนโต มีบาดแผลตามร่างกาย เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช สอบถาม นายฉัตรชัย ผู้เป็นพ่อ ในเบื้องต้นทราบว่า ตนเองพร้อมภรรยา กำลังขับรถยนต์กระบะมาส่งลูกสาววัย 8 ขวบ กับ 5 ขวบที่โรงเรียนวัดตองปุ ซึ่งห่างจุดเกิดเหตุ ประมาณ 200 เมตร เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุเป็นช่วงทางโค้ง ถนนที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมีหินลูกรัง รถเกิดเสียหลัก แล้วบังคับรถไม่อยู่ พุ่งตกลงไปข้างถนน จนทำให้ลูกสาวคนเล็กกระเด็นออกมจากรถเสียชีวิต ส่วนตน ภรรยา และลูกสาวคนโต ได้รับบาดเจ็บ
ด้าน นางชวิศา ผู้เป็นแม่ เล่าให้ฟังว่า ปกติตนเองจะนำรถจักรยานยนต์ออกมาส่งลูกสาวทั้งสองคน แต่วันนี้อากาศหนาวลมแรงจึงได้เปลี่ยนใจนำรถยนต์กระบะออกมาส่งลูก โดยให้ลูกสาววัย 8 ขวบและ 5 ขวบนั่งบริเวณแคปด้านหลัง จนกระทั่งมาจุดเกิดเหตุรถยนต์เกิดเสียหลัก พลิกคว่ำทำให้น้องไข่หวานวัย 5 ขวบ ร่างทะลุกระจกกระเด็นออกมานอกรถ ทำให้เสียชีวิตคาที่ ส่วนน้องไข่มุกลูกสาวคนโตวัย 8 ขวบได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุ พบว่ารถยนต์กระบะคันเกิดเหตุขับมาด้วยความเร็วเมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งถนนกำลังก่อสร้าง รถเกิดเสียหลักแล้วหมุนพุ่งตกลงไปข้างทาง ด้านพนักงานสอบสวน จะทำการสอบสวนนายฉัตรชัย ผู้บาดเจ็บ และสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์อีกครั้งถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
อนึ่ง เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ออกพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ใช้รถบนท้องถนนทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร วัตถุประสงค์ในการออกกฎหมายครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้ทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาในขณะโดยสารรถยนต์ ซึ่งนอกเหนือจากการบังคับให้ผู้ใหญ่ทุกคนต้องรัดเข็มขัดนิรภัยแล้ว ก็มีการออกกฎหมายให้เด็ก ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยเช่นกัน โดยกำหนดไว้ว่า
- เด็กที่มีอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก
- เด็กที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตรต้องรัดเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง
- มีผลบังคับใช้วันที่ 5 กันยายน 2565 หากฝ่าฝืนจะมีค่าปรับ 2,000 บาท
- โดยในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มใช้จะยังไม่ปรับจริง ๆ แต่จะเป็นการว่ากล่าวตักเตือนก่อน
ที่มา : sanook
เว็บไซต์ : https://www.sanook.com/