กองปราบ นำ ชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมานกองปราบ” ลุยร้อยเอ็ด ปิดล้อมบุกจับจอมโจรเหนือเมฆ งัดเซฟปั๊มน้ำมัน 32 แห่ง ทั่วแดนอีสาน ที่แท้เป็น ผวจ.สาวปั๊มน้ำมันบริษัทเดียวกัน เลือกลงมือ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่มีเงินเก็บในเซฟ ทำจนย่ามใจ สุดท้ายหยุดสถิติไว้ที่คุก
เวลา 06.00 น. วันที่ 5 ก.พ. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบกป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.ศราวุธ ทองน้อย พ.ต.ท.รัฐมนตรี พันชูกลาง พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป. นำกำลังร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมานกองปราบ” พร้อมอาวุธครบมือ นำหมายค้นศาลจังหวัดร้อยเอ็ด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 จุด ในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด จับกุม นายมารุต อัคฮาดศรี อายุ 33 ปี และ น.ส.ภูสนิสา ประเสริฐสังข์ อายุ 26 ปี สองผัวเมียตามหมายจับศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ 44 และ 45/2566 ตามลำดับ ลงวันที่ 3 ก.พ. 2566 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืนโดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป”
สำหรับเป้าหมายแรกอยู่ที่บ้านเลขที่ 101 ม.8 ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด บ้านพักของ นายมารุต และ น.ส.ภูสนิสา สองผู้ต้องหาคนสำคัญ พบบ้านพักหลังดังกล่าวมีลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียว รั้วรอบขอบชิด เจ้าหน้าที่จึงส่งเสียงเรียกให้รับทราบ แต่ไม่มีผู้ใดยอมเดินออกมา เจ้าหน้าที่ชุดหนุมานกองปราบ ตัดสินใจนำคีมตัดเหล็กตัดกุญแจประตูรั้วเข้าไป ก่อนเข้าจับกุม นายมารุต ได้ดังกล่าว พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบ ก่อนเข้าตรวจค้นภายในบ้าน เพื่อค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม เบื้องต้นพบอุปกรณ์เครื่องตัดเหล็ก, รถกระบะ มาสด้า ทะเบียน บพ 3267 ยโสธร, โทรศัพท์มือถือ กล้องวงจรปิดของปั๊มน้ำมันต่างๆ และอื่นๆ อีกหลายรายการ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
ส่วนเป้าหมายจุดที่สอง เป็นบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เป็นบ้านพักบิดามารดาของ น.ส.ภูสนิสา จากการตรวจสอบพบ น.ส.ภูสนิสา ได้มาหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมกับตรวจค้นภายในบ้านพักหลังดังกล่าว
ปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบฯ ได้รับเรื่อง ร้องเรียนจากบริษัทปั๊มน้ำมัน PT ว่ามีคนร้ายก่อเหตุงัดตู้เซฟปั๊มน้ำมัน PT สาขาต่างๆ ในพื้นที่ 14 จังหวัด ภาคอีสาน รวม 32 แห่ง ได้เงินไปรวมกว่า 2 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีปั๊มบางแห่งที่กลุ่มคนร้ายเคยใช้อาวุธปืนจี้ข่มขู่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เดินผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์ขณะลงมือก่อเหตุอีกด้วย หลังทราบเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส กระทั่งเชื่อว่า คดีที่เกิดขึ้นทั้ง 32 แห่ง น่าจะเป็นฝีมือของคนร้ายกลุ่มเดียวกัน ทำเป็นขบวนการ วางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี เนื่องจากการก่อเหตุแต่ละครั้งคนร้ายกลุ่มนี้จะใช้อุปกรณ์ในการงัดแงะ อย่างชำนาญ สวมหมวกกันน็อกอำพรางใบหน้า ใส่ถุงมือ ไม่ทิ้งร่องรอยลายนิ้วมือแฝง หรือแม้กระทั่งแสงเงาให้กล้องวงจรปิดจับภาพขณะลงมือได้แม้แต่เสี้ยววินาที และมักจะเลือกลงมือก่อเหตุทุกคืนวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ รวมถึงมีการตระเวนดูลาดเลาปั๊มน้ำมันแต่ละแห่งก่อนจะวางแผนลงมือก่อเหตุ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนใน เพราะรู้ขั้นตอนการเก็บเงินของทางปั๊ม ซึ่งปกติปั๊มแต่ละแห่งจะนำเงินสดที่ได้จากการขายน้ำมันไปฝากธนาคารเป็นประจำทุกวัน ยกเว้น วันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ ทำให้เงินสดในตู้เซฟจะมีมากกว่าวันธรรมดาคุ้มค่าแก่การลงมือ รวมถึงรู้ระบบการรักษา ความปลอดภัยในปั๊มเป็นอย่างดี
แต่ด้วยความที่คนร้ายกลุ่มนี้ย่ามใจยังคงออกตระเวนก่อเหตุต่อเนื่องไม่เกรงกลัวกฎหมาย เหตุเพราะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถแกะรอยได้ จึงทำให้เกิดช่องโหว่ให้เจ้าหน้าที่พบเจอเบาะแสสำคัญ คือรถคันที่ใช้ก่อเหตุจากภาพวงจรปิดตามถนนเส้นทางต่างๆ บริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุแต่ละแห่ง จนนำมาสู่การสืบสวนขยายผลจนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ น.ส.ภูสนิสา ผู้จัดการปั๊มน้ำมัน PT สาขายโสธร และนายมารุต ผู้เป็นสามี
อีกทั้งยังพบเบาะแสว่าเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 3 ก.พ. ต่อเนื่องเช้ามืด วันที่ 4 ก.พ. ทั้งคู่ได้ขับรถออกจากบ้านพักในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ตระเวนไปตามพื้นที่ จ.มหาสารคาม ขอนแก่น และ อุดรธานี ก่อนตัดสินใจลงมือก่อเหตุงัดประตูเข้าไปภายในสำนักงานปั้มน้ำมัน PT แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี แต่เนื่องจากไม่พบตู้เซฟหรือสถานที่เก็บเงินจึงทำให้คนร้ายไม่สามารถโจรกรรมเงินในครั้งนี้ได้สำเร็จ ก่อนจะขับรถกลับมาซ่อนตัวยังบ้านพักในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่จึงเร่งตัดสินใจวางแผนนำกำลังบุกตรวจค้นพร้อมจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน เบื้องต้น นายมารุต ผู้เป็นสามี ยอมรับสารภาพ ส่วนตัว น.ส.ภูสนิสา ภรรยา ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการควบคุมตัวมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
