ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายจำนวน 2 ศพ ที่เกิดเหตุหน้าบ้านหลังหนึ่ง ซ.มะนาว (ถนนเลียบทางรถไฟ) ม.2 ต.บางพูน อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี
ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด หน้าบ้านมีรถยนต์จำนวน 2 คัน จอดอยู่ คันแรกเป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน 4595 กทม. คันที่สองเป็นรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า รุ่นสอง สีแดง หมายเลขทะเบียน 3854 อุบลราชธานี จอดประกบกันอยู่
โดยที่รถยนต์คันแรกเปิดประตูฝั่งคนขับและสตาร์ตเครื่องทิ้งไว้ บริเวณด้านท้ายรถซึ่งเป็นช่วงประตูหน้าบ้านพบผู้เสียชีวิต 2 ราย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนทราบชื่อ คือ นายนิรันด์ อายุ 52 ปี อาชีพหัวหน้า รปภ. ของบริษัทแห่งหนึ่ง มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ปาก คมกระสุนทะลุหลังศีรษะ เป็นเหตุให้เสียชีวิต
อีกราย คือ น.ส.วชรนันท์ อายุ 43 ปี อาชีพที่ปรึกษาฝ่ายขาย บริษัทตัวแทนจำหน่ายรถ มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่หน้าผาก หน้าอก และต้นขา 2 ข้าง รวม 4 นัด เป็นเหตุให้เสียชีวิต ข้างกันยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่จำนวน 8 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่บนลำตัวของผู้เสียชีวิตที่เป็นชาย พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อกล๊อกรุ่น 19 วางอยู่โดยที่นิ้วยังอยู่ในโก่งไก โดยที่ในลำเลื่อนมีปลอกกระสุนปืนคาอยู่ 1 ปลอก ลักษณะคาบปลอกและในแม็กกาซีนพบกระสุนปืนพร้อมใช้อยู่อีก 6 นัด นอกจากนี้ ยังมีผู้รอดชีวิตอีก 1 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งไม่ถูกคมกระสุน ทราบชื่อเพียงเล่นนิค อายุประมาณ 30 ปีเศษ
ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นภายในรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์เทา พบเอกสารทะเบียนปืน สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารที่ทางราชการออกให้ของนายนิรันด์ อยู่ภายในกระเป๋าหนังสือดำภายในรถ และยังพบสมุดเขียนข้อความระบายความในใจ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้ตรวจสอบ
ด้าน นายปราโมทย์ อายุ 62 ปี พยานที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ขณะเกิดเหตุตนเองจะขี่ จยย. ผ่านในเส้นทางเพื่อไปทำงาน พบผู้ตายเปิดประตูลงมาจากรถยนต์โตโยต้ารุ่นวีออส โดยที่ท้ายรถมีผู้หญิงที่ตายยืนอยู่ โดยในมือผู้ชายมีอาวุธปืนและยิงใส่ฝ่ายหญิงทันที จากนั้นฝ่ายหญิงพยายามวิ่งหนีฝ่ายชายได้ยิงซ้ำอีกครั้งก่อนที่จะมีหญิงอีกคนลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อมาสด้ารุ่นสองและวิ่งหนี ชายที่ก่อเหตุได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ทันทีแต่ไม่โดนกระสุนปืน ก่อนที่ชายดังกล่าวจะนำอาวุธปืนมาไว้ที่ขมับตนเอง และเดินไปยิงซ้ำที่ฝ่ายหญิงที่ล้มฟุบลงไปแล้วอีกครั้งจากนั้นชายที่ก่อเหตุได้กวักมือให้ตนเองวิ่งหนีไป ตนเองจึงวิ่งหนีโดยที่รถจยย.ของตนเองล้มคว่ำอยู่ ก่อนที่ชายดังกล่าวจะใช้อาวุธปืนยิงกรอกปากตนเองจนเสียชีวิต โดยตอนเกิดเหตุรถยนต์ทั้งสองคันจอดประกบกันอยู่
ด้าน น.ส.เกวรินทร์ อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นน้าของฝ่ายหญิง ให้การว่า ผู้ตายทั้งสองเคยเป็นแฟนกันคบหากันมานาน และมีปากเสียงกันจนแยกทางกันอยู่ประมาณ 3-4 เดือนแล้ว เพราะปัญหามาจากเรื่องเงินๆ ทองๆ โดยฝ่ายชายไปอยู่กับลูก ส่วนหลานตนเองทำงานอยู่ใกล้บ้านของตน จึงมาอยู่ด้วยโดยวันนี้เป็นวันหยุดและเป็นวันเกิดของหลานจึงนั่งเคลียร์งานของบริษัทอยู่บนบ้าน ตนเองก็เลยบอกว่าผงซักฟอกหมดไปซื้อได้ไหม ผู้ตายก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวออกไปซื้อเองเพราะจะออกไปทำสังฆทานในวันเกิดด้วยขากลับจะซื้อมาให้
ซึ่งที่หลานมาอยู่บ้านตนเอง เพราะแม่ของหลานเป็นห่วงกลัวฝ่ายชายจะตามไปรังควาน เพราะเคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งจนต้องเดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.คลองหลวง ครั้งหนึ่งแล้ว แม่ของผู้ตายจึงให้มาอยู่กับตนเอง เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย และคิดว่าฝ่ายชายจะไม่กล้ามา เพราะสถานที่นี่มีแต่ญาติพี่น้อง ซึ่งฝ่ายชายก็เคยโทรมาคุยกับตนเองแล้วว่าจะทำร้ายฝ่ายหญิง ซึ่งตนเองก็บอกว่าคุยกันดีๆตอนเกิดเหตุตนเองเพิ่งทำงานเสร็จ และกำลังจะขึ้นไปนอนจึงไลน์ไปบอกหลานสาวที่อยู่ในห้องว่า ออกไปแล้วให้ล็อกประตูด้วย จากนั้นหลานสาวได้ออกไปเพื่อจะขับรถเก๋งโตโยต้าวีออสขยับออกคาดว่าจะไปจอดอีกที่หนึ่งเพื่อหลบแสงแดด ขณะที่เพื่อนหญิงคนสนิทอีกคนขับรถยนต์มาสด้ารุ่นสองมาจอดเพื่อรับออกไปทำบุญคาดว่าฝ่ายชายนำกุญแจรถสำรองอีกดอกหนึ่งมาสตาร์ตเครื่องนั่งรออยู่แล้ว เมื่อเห็นฝ่ายหญิงเดินมาจึงเปิดประตูรถออกมาใช้อาวุธปืนยิงใส่ทันที ก่อนที่เพื่อนสนิทที่กำลังมารับเห็นเหตุการณ์เพราะรถจอดข้างกันจึงรีบเปิดประตูรถยนต์อีกคันวิ่งหนีสุดชีวิต ก่อนที่ฝ่ายชายจะยิงซ้ำและฆ่าตัวตายตามในเวลาต่อมาด้าน เพื่อนสาวคนสนิทที่ทราบว่าเป็นลูกน้องของฝ่ายหญิงที่ตาย อยู่ในอาการขวัญผวาตัวสั่นเครือและขอไม่พูดใดๆ ทั้งสิ้นขณะที่ ร.ต.ท.พงศธร แลเลิศ รอง สว.สอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ และให้แพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม พร้อมชุดตรวจสถานที่เกิดเหตุ เก็บพยานหลักฐานอย่างละเอียดเพื่อประกอบคดีพร้อมให้อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ที่มา:snook.com