ดัชนีหุ้นไทยวันแห่งความรัก วันที่ 14 ก.พ.66 ปิดที่ 1,652.76 จุด ลดลง 12.13 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 70,518.69 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 664.07 ล้านบาท
บล.เอเซียพลัส ผ่านบทวิเคราะห์ว่าราคาน้ำมัน-พลังงานที่ปรับลง มีผลทำให้ความกังวลเงินเฟ้อเริ่มคลี่คลายลง โดยเฉพาะสหรัฐฯพบว่าอัตราเงินเฟ้อ YoY ปรับตัวลงมาเรื่อยๆจากจุดสูงสุดที่ระดับ 9.1% YoY (มิ.ย.65) สู่ระดับ 6.5% YoY (ธ.ค.65) เป็นการลดลง ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6
ฝ่ายวิจัยได้ประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯในอนาคต หากใช้การเติบโต CPI รายเดือนที่ 0% MoM มาคิดเป็นสมมติฐาน CPI Index ในช่วงถัดไป จะเห็นได้ว่าอัตรา CPI YoY เดือนถัดๆไปทยอยลดลงต่อเนื่อง จากฐานตัวเลข CPI โดยคาด CPI สหรัฐฯอยู่ที่ 5.7% YoY เดือน ม.ค.66 และทยอยปรับลงเรื่อยๆ มาอยู่ที่ 2.2% YoY ในเดือน พ.ค.66 ซึ่งตอนนั้นอัตราดอกเบี้ยที่คาดการณ์จาก FED Watch Tool อยู่ที่ 5.25% ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง กลับมาเป็นบวกราว 3%
กลยุทธ์เน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อที่ลดลง โดยแนะหุ้นที่ปรับตัวลงลึกในช่วงกังวลว่าเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก 1.หุ้นกลุ่ม Tech ADVANC-KCE 2.หุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยชะลอตัว MTC-SAWAD 3.หุ้นปันผลสูง AP-BAM 4.หุ้นได้ Sentiment ราคา Commodity ลง และบาทแข็ง GPSC-BGRIM-GULF
ขณะที่ บล.โกลเบล็กมองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวน ในกรอบ 1,650-1,680 จุด มีแรงกดดันจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เร่งตัวขึ้นอีกครั้ง (สหรัฐฯ-จีน และรัสเซีย-ยูเครน) หลังกองทัพสหรัฐฯยืนยันว่าได้ยิงบอลลูนสอดแนมของจีน และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้ขึ้นบัญชีดำองค์กรของจีน 6 แห่ง ข้อหาสนับสนุนกองทัพจีน โดยเฉพาะโครงการอวกาศ รวมถึงเรือเหาะและบอลลูน ส่วนแคนาดาออกแถลงการณ์ว่าได้ยิงวัตถุบินได้ ที่ยังไม่สามารถระบุประเภทได้ร่วงลงเมื่อวันเสาร์ หลังวัตถุดังกล่าวได้บินรุกล้ำน่านฟ้าของแคนาดา ซึ่งกดดันภาพรวมการลงทุน
แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นที่มีการปรับน้ำหนักคำนวณ (Rebalance) ที่จะมีผล 28 ก.พ.นี้ ของดัชนี MSCI Global Standard หุ้นเข้า : BANPU ส่วน MSCI Global Small Cap : หุ้นเข้า AURA– BTG–ONEE–SNNP และ THCOM ขณะที่ระวังหุ้นออกคือ BANPU–COM7–TIDLOR–TISCO!!
