สถานการณ์ค่าฝุ่นและจุดความร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มีแนวโน้มลดลง ขอทุกภาคส่วนยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้น หวั่นประชาชนเร่งเผา หลังอุตุฯ ออกประกาศจะมีพายุฤดูร้อน
วันนี้ (9 มี.ค. 66) ที่ ห้องปฏิบัติการศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่า จุดความร้อน และค่าคุณภาพอากาศในพื้นที่
โดยในวันนี้ จังหวัดเชียงใหม่ มีจุดความร้อน (Hotspot) เกิดขึ้นทั้งหมด 38 จุด มากที่สุดในพื้นที่อำเภอเชียงดาว ฮอด ดอยเต่า และสันทราย ในการนี้ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้เน้นย้ำให้แต่ละอำเภอมีการปรับกลยุทธ์การทำงาน หากมีปัญหาอุปสรรคขอให้แจ้งมายังศูนย์ฯ จังหวัด เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาในพื้นที่ให้คลี่คลายได้โดยเร็วที่สุด ส่วนการฉีดพ่นละอองน้ำ รดน้ำต้นไม้ เพื่อสร้างความชุ่มชื้นในอากาศและลดปริมาณฝุ่นที่สะสม ขอให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเหมือนในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ทุกพื้นที่ระดมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนในพื้นที่และเป็นการแสดงให้เห็นว่าส่วนราชการไม่ได้นิ่งเฉย นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือเทศบาลนครเชียงใหม่ เปิดน้ำพุรอบคูเมืองอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะสร้างความชุ่มชื้นในเขตตัวเมือง
ด้านค่าคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ข้างเคียง ทั้งจังหวัดเชียงราย ลำพูน และแม่ฮ่องสอน วันนี้พบค่าฝุ่นระหว่าง 77-122 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยค่าฝุ่นและจุดความร้อนของจังหวัดเชียงใหม่ขณะนี้มีจำนวนที่ลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ค่าความเข้มข้นของฝุ่นลดลงตามไปด้วย
สำหรับการขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการติดตามและวิเคราะห์สภาพอากาศอยู่ตลอดเวลา หากพบว่าความชื้นอากาศมีเพียงพอก็จะส่งเครื่องบินขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงโดยทันที ล่าสุด ในช่วงบ่ายวันนี้ (9 มี.ค. 66) หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จังหวัดเชียงใหม่ จะได้นำเครื่องบินเกษตร ชนิด CASA จำนวน 2 ลำ ขึ้นบินปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า โดยมุ่งให้เกิดฝนในพื้นที่ป่าอำเภอจอมทอง และฮอด
อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศแจ้งว่าห้วงวันที่ 12-14 มีนาคม ที่จะถึงนี้ จะมีการเกิดพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทย โดยจะทำให้พื้นที่ภาคเหนือเกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวทำให้คาดการณ์ว่า ประชาชนจะมีการเร่งเผาในช่วงนี้ จึงขอให้ทุกพื้นที่มีการเฝ้าระวังและประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้น ประกอบกับการเพิ่มมาตรการลาดตระเวน และยกระดับมาตรการปิดป่าในเขตป่าไม้และอุทยาน โดยในเขตพื้นที่ป่าสงวน ได้มีการปรับเปลี่ยนมาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิงจากการชิงเผาเป็นการชิงเก็บและทำเสวียนเพื่อรองรับการเก็บเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ออกมาตรการดำเนินคดีกับผู้ที่เข้าไปกระทำความผิดในพื้นที่ป่า ขณะนี้มีการดำเนินคดีแล้ว จำนวน 6 คดี โดยมากที่สุดที่อำเภอสะเมิง 2 คดี เป็นการเข้าไปเผาในพื้นที่ป่าโดยผิดกฎหมายในช่วงเวลาที่มีการประกาศห้ามเผา ขณะที่พื้นที่ป่าอนุรักษ์ ได้มีการประกาศปิดป่าไปแล้วกว่า 10 แห่ง โดยห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อป้องกันการเกิดไฟในพื้นที่ป่า
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ คาดว่า อำเภอรอบใน ได้แก่ อำเภอสันป่าตอง แม่วาง หางดง สะเมิง แม่ริม แม่แตง สันกำแพง แม่ออน สันทราย และดอยสะเก็ด จะมีการเกิดจุดความร้อนเพิ่มมากขึ้น จึงขอให้เพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติงาน โดยเน้นหนักประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจในมาตรการการห้ามเผาและเพิ่มกำลังในการลาดตระเวน
สำนักข่าวความมั่นคง
ศูนย์ข่าวภาคเหนือ
นที มีเดช รายงาน