ค้นรัง “หยู ซิน ฉี” เจอภาพคู่ “บิ๊กตู่-รองโจ๊ก” ล้างหัวหน้าแก๊ง 18 มงกุฎจีนสีเทา

ค้นรัง “หยู ซิน ฉี” เจอภาพคู่ “บิ๊กตู่-รองโจ๊ก” ล้างหัวหน้าแก๊ง 18 มงกุฎจีนสีเทา

ตำรวจนำหมายศาลบุกค้นบ้านหรูและที่ตั้งสมาคมเถื่อน “หยู ซิน ฉี” กลุ่มจีนเทา เจอเอกสารหลักฐานสำคัญ รูปถ่ายกับคนใหญ่โตระดับประเทศ “บิ๊กตู่-รองโจ๊ก” แฉข้อมูลเปิดสมาคมเถื่อนบังหน้าสร้างความน่าเชื่อถือ หลอกคนจีนในไทยเรี่ยไรเงิน เตรียมแจ้ง 3 ข้อหาหนัก พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร และการตั้งสมาคมเถื่อน พร้อมขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์เป็นการถาวรห้ามเดินทางเข้าประเทศ “ชูวิทย์” โพสต์จี้ยกเครื่อง ตม. แปลงวีซ่าจีนเทาพาเหรดเข้าไทย

กรณีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง คุมตัวนายหยู ซิน ฉี อายุ 60 ปี ชาวจีน ประธานมณฑลส่านซี สมาคมแห่งประเทศไทย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง นำตัวมากักกันเพื่อสอบสวนขยายผล ที่ ตม.สวนพลู อาจเกี่ยวข้องกลุ่มทุนจีนเทา หลังนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกมาแฉจัดตั้งสมาคมไม่ถูกต้อง มีการแอบอ้างเบื้องสูงและผู้นำประเทศในการแสวงหาผลประโยชน์ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ก.พ. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาคภูมิพิพัฒน์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศูนย์เทคโนโลยี (ศท.) ตม. นำตัวนายหยู ซิน ฉี ออกจากห้องกัก ตม.สวนพลู พร้อมประสาน สน.คันนายาว นำหมายศาลเข้าค้นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เลขที่ 77/525 หมู่บ้านภัสสร 19 วัชรพล-วงแหวน เฟส 2 ซอย 52 แยกซอยจตุโชติ 17 ถนนจตุโชติ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ เป็นบ้านของนายหยู ซิน ฉี มีพื้นที่ประมาณ 80 ตารางวา เพื่อหาพยานหลักฐาน หลังถูกควบคุมตัวอาจเกี่ยวข้องกลุ่มทุนจีนเทา

เจ้าหน้าที่ตรวจหาหลักฐานการกระทำความผิดภายในบ้านพักและตรวจค้นรถตู้ฮุนได รุ่นเอช 1 สีดำ ทะเบียน ฮษ 2042 กรุงเทพมหานคร โดยใช้เวลาตรวจค้นเกือบ 3 ชั่วโมง พบเอกสารสำคัญและรูปถ่ายนายหยู ซิน ฉี กับบุคคลสำคัญระดับประเทศในอดีต อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เจ้าหน้าที่เก็บไว้ตรวจสอบ จากการสอบถามเพื่อนบ้านทราบว่านายหยู ซิน ฉี พักอาศัยอยู่บ้านหลังนี้นานเกือบ 10 ปี กับลูกสาวอีก 1 คน นายหยู ซิน ฉี มักจะนั่งดื่มชาอยู่หน้าบ้าน และไม่สุงสิงกับใคร ช่วงโควิดระบาดหนักนายหยู ซิน ฉี กับลูกสาวเดินทางกลับประเทศจีน และย้อนกลับเข้ามาอีกครั้ง

มีรายงานว่าบ้านหลังนี้ซื้อในนามบริษัท นาซา อินเตอร์เนชั่นแนล เชน (ไทยแลนด์) จำกัด นางศิริพร จาง ผู้มีอำนาจลงนามเป็นผู้เช่าซื้อบ้านเมื่อ 10 ปีก่อน ราคาประมาณ 3-4 ล้านบาท ปัจจุบันราคา 6-8 ล้านบาท ขณะเดียวกันกำลังอีกส่วนหนึ่งนำหมายศาลตรวจค้นที่ตั้งมณฑลส่านซี สมาคมแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ย่านเกษตรนวมินทร์ จุดนี้ไม่พบหลักฐานสำคัญแต่อย่างใด พ.ต.อ.สุรศักดิ์กล่าวว่า จากการตรวจค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับสมาคมถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ในรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ตรวจยึดเอกสารสำคัญรวมถึงภาพถ่ายของนายหยู ซิน ฉี ที่ถ่ายรูปคู่กับบุคคลสำคัญ ตลอดจนหลักฐานการเรี่ยไรเงินนำไปใช้แอบอ้าง การที่เขาสามารถเปิดสมาคมได้ สำหรับคนจีนด้วยกันถือว่าการตั้งสมาคมเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ มีหน้ามีตา จากนั้นจะใช้สมาคมเป็นฉากหน้า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้คนจีนด้วยกันได้เห็น ก่อนจะมีการถ่ายรูปกับผู้ใหญ่ เพื่อนำไปใช้กระทำความผิดหลอกคนจีนในไทยเพื่อเรี่ยไรเงิน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหานายหยู ซิน ฉี ประกอบด้วย 3 ข้อหาหลัก คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร และการตั้งสมาคมเถื่อนหรือจัดตั้งสมาคมโดยไม่มีใบอนุญาต อย่างไรก็ตาม ได้เพิกถอนวีซ่านายหยู ซิน ฉี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เจ้าของพื้นที่ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ชาวจีนรายนี้จะต้องถูกดำเนินคดีในไทยและจะผลักดันออกนอกประเทศ พร้อมกับขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์เป็นการถาวร ห้ามเดินทางเข้าประเทศอีกต่อไป

วันเดียวกัน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ระบุว่า ตม.โดดเด่น จีนเทา แปลงวีซ่า ข้อมูลชุด “หยู ซิน ฉี” ที่เก็บไว้ชุดสุดท้าย ถูกส่งต่อให้ใช้อภิปรายในสภา ได้ผลตามคาดการณ์ไว้เพราะ “ดาวสภา” ส.ส.โรม แสดงการปกป้องสถาบันจากการแอบอ้างของจีนเทาฉายา “ดร.ฉี” ได้ดีเยี่ยม “หยู ซิน ฉี” เป็นจีนเทาอีกจำพวกสร้างเรื่องเป็นผู้สร้างสัมพันธ์จีนไทย ข้อหาต่อไปบอกได้เลยว่า “บิ๊กโจ๊ก” ต้องตั้ง “ม.112” เพราะเอาตัวเองไปใกล้ชิด และเขียนไว้ว่าได้มอบของขวัญให้ผู้ที่คนไทยรักเทิดทูน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

นายชูวิทย์ระบุต่อไปว่า สำหรับนายหยู ซิน ฉี ใช้วีซ่าท่องเที่ยวแล้วมาแปลงเป็น “วีซ่าเกษียณ” ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ทั้งที่ตัวอยู่กรุงเทพฯ เหมือนกับ “จีนเทา” รู้ว่าต้องไปทำวีซ่านักศึกษา อาสาสมัครแถวอีสาน ส่วนวีซ่าเกษียณทำแถวภาคกลาง บรรดา “จีนเทา” รู้ได้อย่างไร มาจากการฮั้วกันของเอเย่นต์กับ ตม. เพราะค่าหัวการทำมีการจัดสรรทั่วถึง รายหนึ่ง ราคา 200,000 บาท ทำให้จีนเทาพาเหรดกันเข้าเมืองไทย ด้วยผลประโยชน์ของ ตม. แต่เสียหายกับประเทศ แปลงวีซ่าได้ตามใจชอบ รัฐบาลช่วยยกเครื่อง ตม. ออกจากตำรวจทีเถอะเพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ทุกวันนี้รายได้ ตม.โดดเด่นเสียเหลือเกิน

ผู้นำเสนอข่าว

Lemon

Written by:

720 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You May Have Missed