เจ้าอาวาสแจงดราม่า ภาพ “กุฏิพระ” สุดหรู คล้ายสร้างบ้านในวัด ทำขึ้นเป็นเรือนรองรับพระผู้ใหญ่ ยืนยันใช้งบประมาณถูกกว่าสร้างแบบทั่วไป ด้านชาวบ้านบอกอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน
วันที่ 11 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นประเด็นฮือฮาที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพ บ้านสวยหลังหนึ่งที่ตั้งในอยู่พื้นที่วัดบ้านลิ้นฟ้า ซึ่งทำให้มีชาวเน็ตแห่เข้าไปแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกันอย่างมากมาย มีทั้งบอกว่าไม่เหมาะสม บางส่วนก็มองว่าดูแปลกใหม่และทันสมัยดี
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปวัดบ้านลิ้นฟ้า ต.ลิ้นฟ้า อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ พบว่า มีบ้านตั้งอยู่ภายในวัด เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว หลังคามุงกระเบื้อง ทรงโมเดิร์น ภายในมี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องโถง พื้นปูกระเบื้องอย่างสวยงามเพิ่งสร้างเสร็จ และทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา
กรรมการวัด เผยว่า ก่อนหน้านี้พื้นที่ดังกล่าว เคยเป็นตั้งเป็นกุฏิหลังเก่า มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ทางคณะกรรมการวัดจึงได้มีมติให้รื้อ และสร้างหลังใหม่ขึ้นมาทดแทน เพื่อรับรองพระผู้ใหญ่ หรือแขกผู้ใหญ่ ที่เดินทางมาปฏิบัติกิจที่วัด ไม่ใช่กุฏิเจ้าอาวาส โดยใช้เวลาก่อสร้าง ประมาณ 4 เดือน งบประมาณในการก่อสร้าง จำนวน 8 แสนบาท ไม่ใช่กุฏิเจ้าอาวาส เพราะท่านจำวัดอยู่ในห้องเก่าๆ ด้านข้าง
สาเหตุที่สร้างลักษณะนี้ เนื่องจากการสร้างเป็นกุฏิวัดทั่วไป จะต้องใช้งบประมาณก่อสร้างมูลค่าหลักล้าน เพราะองค์ประกอบของตัวอาคาร ต้องมีลวดลาย ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างนาน จึงได้สร้างแบบทันสมัยขึ้น ให้ประหยัดงบประมาณ อีกทั้งยังสวยงาม และเสร็จเร็ว
ต่อมา พระอธิการ นิวัตน์ ยโสธโร เจ้าอาวาสวัดลิ้นฟ้า ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูภายในกุฏิหลังดังกล่าว ซึ่งมีการถมพื้นยกสูง พร้อมกล่าวว่า ที่มีการแชร์ในโซเชียลว่ากุฏิหรูนั้นพูดเกินไป จริงๆ แล้วสร้างหลังเล็กนิดเดียว ก่อนสร้างก็ได้ประชุมคณะกรรมการวัด กำนัน ผู้ใหญ่บ้านหลายครั้ง
ตอนแรกก็มีคนคัดค้าน แต่พอสุดท้ายความเห็นก็ตรงกัน ว่าประหยัดงบประมาณ และดูสวยงามดีเอาไว้รับรองพระเถระผู้ใหญ่ที่อาจจะมากิจนิมนต์ที่วัด ซึ่งตนก็ต้องการพัฒนาวัดให้ดูดีขึ้นตามยุคตามสมัยอยู่แล้ว เพราะอยากพัฒนาตามวัดอื่นบ้าง เพียงแต่ดัดแปลงให้พออยู่พอใช้ ก่อนหน้านั้นตนเองก็จำวัดอยู่กุฏิไม้โทรมเก่าแก่อายุกว่า 30 ปี เพิ่งได้ย้ายเข้ามาอาศัยที่ใหม่ด้านหลังนี้เอง
สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ บางคนให้ความเห็นว่า แล้วแต่คนจะมอง ถ้ามองเป็นกุฏิ ก็คือ กุฏิ เพราะไปตั้งอยู่ในวัด แต่ถ้าจะมองเป็นบ้าน ก็คือบ้าน เพราะลักษณะเหมือนบ้านเรือนของประชาชนทั่วไป
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
