เหยื่อเพชรพันปี ร้องตำรวจ บก.ปคบ.ให้ดำเนินคดี หลังถูกหลอกขายสินค้าไม่ตรงปก-ของปลอม รวมความเสียหายหลายสิบล้าน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 มกราคม 2566 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นําผู้เสียหายกว่า 30 ราย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.ธีระพงศ์ ผงตรี รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ.เพื่อให้ดำเนินคดีกับร้านเพชรพันปี ข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังจากมีผู้เสียหายที่ซื้อเพชรและเครื่องรางของขลังไปแล้ว กลับได้สินค้าไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้ มีทั้งของปลอมและของที่ไม่ได้คุณภาพ ความเสียหายรวมหลายสิบล้านบาท
ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้พากลุ่มผู้เสียหายที่ซื้อเพชร, ของขลัง และอัญมณีทั้งหลายไปจากร้านของคุณเพชรพันปี มาร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ บก.ปคบ.ทั้งเรื่องของสินค้า และสรรพคุณที่ไม่ตรงตามโฆษณา ความเสียหายรวมกันแล้วไม่ตํ่ากว่า 30 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีกรณีจัดฉากผู้ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 24 ล้านบาท ที่มีดาราหนุ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง จนทำให้มีประชาชนหลงเชื่อไปซื้อเครื่องรางของขลังมาเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลกันเป็นจำนวนมากด้วย
นายเอ (นามสมมติ) หนึ่งในกลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังจากรับของไปแล้วได้ลองตรวจเช็กสินค้าที่เป็นพวกเครื่องรางของขลังจากในลาซาด้า พบว่ามีราคาขายอยู่ที่ 149 บาท แต่ร้านกลับให้เช่าบูชาในราคา 990 บาท อ้างว่ามีการนำเข้าพิธีปลุกเสก ใส่แล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการโพสต์โฆษณาด้วยว่าจะนําดวงของลูกค้าไปวางไว้ที่ใต้ฐานพระแก้วมรกตเพื่อเสริมดวง ทําให้มีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก เพราะไม่ใช่ใครที่ไหนจะสามารถเข้าถึงที่ฐานขององค์พระแก้วมรกตได้
ส่วน นายบี (นามสมมติ) ผู้เสียหายกรณีแหวนเพชร เปิดเผยว่า เห็นโฆษณาของร้าน ที่อ้างว่าเป็นเพชรนํ้า 100 หรือเพชรขาวใสไร้สี แต่เมื่อลองนําไปตรวจที่สถาบันเพชร กลับพบว่าเป็นเพชรมีตําหนิ รวมถึงพลอยที่ล้อมยังเป็นของปลอมอีกด้วย หากคนที่ดูเพชร-พลอยไม่เป็น หรือไม่ได้อยู่ในวงการนี้ ไม่สามารถแยกแยะออกได้เลยว่าอันไหนของแท้หรือของปลอม ส่วนทองคําที่มีการระบุว่าเป็นทอง 18 K เมื่อนำไปเช็กแล้วก็พบว่าอยู่ที่ระดับ 9 K เท่านั้น
นอกจากนี้ ทนายรณณรงค์ ยังกล่าวอีกว่า คดีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงประชาชนหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบเรื่องการกล่าวอ้างว่า จะมีการนําดวงของผู้เสียหายไปวางไว้ที่ใต้ฐานของพระแก้วมรกต หากทําได้จริงจะไม่มีความผิด แต่หากท้ายที่สุดแล้วไม่สามารถทําได้จริง ถือว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงประชาชนอย่างแน่นอน เนื่องจากทำให้มีผู้เสียหายเป็นจํานวนมากหลงเชื่อโฆษณาดังกล่าว
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้รับเรื่อง พร้อมสอบปากคำกลุ่มผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเสนอผู้บังคับบัญชาสั่งการต่อไป
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/