ไร้เกมการเมือง-คดีฮั้วสว. ‘วิสุทธิ์’ แจง หน้าที่ DSI-กกต. ระบุเป็นอํานาจที่ต้องทํา

“วิสุทธิ์” ชี้คดีฮั้วเลือก สว. ไร้เกมการเมือง โยนเป็นอำนาจ กกต.-ดีเอสไอ ไม่เชื่อจะเป็นเหตุให้ ภท.โหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 มั่นใจในเสถียรภาพรัฐบาล “ดนุพร” ยันยังพูดคุยกับพรรคร่วมได้ แซะพรรคฝ่ายค้านต้องการเขย่า “อนุสรณ์” ย้ำรัฐบาลไม่เข้าไปแทรกแพทยสภา ภท.ปัดกระแสคว่ำร่างฯงบประมาณ “แนน” ลั่นไม่มีเหตุไม่สนับสนุน สว.น้ำเงินทำยึกยักเข้ารับข้อหาคดีฮั้ว สว. “อิทธิพร” ยึดตามกรอบคดีฮั้ว แจงดีเอสไอไม่ได้บีบ กกต.ขอไปเอง ราชทัณฑ์โต้ข่าวฟ้องแย้งมติแพทยสภา คดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ “อิ๊งค์” จัดคิวเยือนเวียดนาม โพลชี้คนมองการเมืองใกล้สู่ทางตัน

สมาชิกพรรคเพื่อไทยรีบดาหน้าออกมาดับกระแสข่าว พรรคภูมิใจไทยเตรียมโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 หลังเกิดการงัดข้อกันเรื่องคดีฮั้วเลือก สว. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ชี้ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นมารยาทของพรรคร่วมรัฐบาล และมั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาล

“วิสุทธิ์” ชี้คดีฮั้ว สว.ไม่มีการเมือง

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานสส.พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์กรณีมีการตั้งข้อสังเกตการดำเนินคดีฮั้วเลือก สว. เป็นเกมการเมืองว่า มองเป็นเกมการเมืองได้อย่างไร สังคมเห็นกันหมดไม่ว่าสื่อหรือประชาชน ต่างเห็นว่าที่ไปที่มาอย่างไร มีการฮั้ว สว.เกิดขึ้นไปรวมตัวกันโรงแรมไหน มีเส้นทางการเงินอย่างไร การดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพราะมีคนไปร้อง ถ้าไม่ทำจะถูก ป.อาญามาตรา 157 สว.มีความ สำคัญมีหน้าที่เลือกองค์กรอิสระ การบังคับใช้กฎหมายไม่ต้องมีพรรคมีพวก ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้สังคมอยู่ไม่ได้ ถ้าสังคมไม่ยอมรับการเลือกองค์กรอิสระอาจเกิดปัญหา บ้านเมืองไหนไม่มีความยุติธรรมสังคมก็อยู่ไม่ได้ ยืนยันไม่ใช่เรื่องการเมือง ถ้าไม่ทำให้เกิดความเชื่อถือในกระบวนยุติธรรมจะเสื่อม เราต้องให้กำลังใจ กกต. และดีเอสไอด้วยซ้ำ ให้ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องให้ถูกต้อง ตรงไปตรงมาโปร่งใสที่สุด เรื่องนี้คนจับตากันมากกลัวอย่างเดียวอย่าให้มีมวยล้มต้มคนดูเท่านั้น

“วิสุทธิ์” ชี้คดีฮั้ว สว.ไม่มีการเมือง

…PlayNextMute

Current Time 0:06

Duration 6:09

Loaded: 11.93%Fullscreen

ไม่กระทบการออก ก.ม.ของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลจะกระทบต่อการออกกฎหมายของรัฐบาลหรือไม่ นายวิสุทธิ์ตอบว่า เราต้องแยกแยะ กฎหมายไหนที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ มีที่มาที่ไปถูกต้องต้องว่าตามนั้น เชื่อว่า สว.ในส่วนที่เหลือต้องพิจารณาไปตามสิ่งที่ถูกต้องและเป็นธรรม หากมีความเห็นต่างก็มีกลไกอยู่ อย่างกฎหมายประชามติที่ต้องยับยั้งไว้ 180 วัน หากเป็นกฎหมายการเงินก็ทำตามกระบวนการ เราไม่ต้องไปกลัวขนาดนั้นว่าจะโหวตให้ไม่โหวตให้ เพราะไม่ใช่รัฐบาลดำเนินการ กกต.เป็นองค์กรอิสระ ดีเอสไอก็ทำหน้าที่ต้องทำให้ถูกต้อง เรื่องพิจารณากฎหมายเป็นคนละประเด็นกับที่มา สว. เพราะ สว.ต้องทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย เรื่องนี้สุดท้ายแล้วหากมีปัญหาก็ต้องเลื่อนลำดับ สว.ขึ้นมา เชื่อคนไทยทุกคนมองเป็นปัญหา

ไม่เชื่อ ภท.จะคว่ำร่างงบประมาณ

นายวิสุทธิ์ยังกล่าวถึงการเรียกประชุมวิปรัฐบาลวันที่ 13 พ.ค.ว่า เป็นการประชุมเตรียมความพร้อมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่จะเข้าสู่สภาในวันที่ 28-30 พ.ค.นี้ รวมถึงรับรอง พ.ร.ก.ที่ออกโดยรัฐบาลอีก 2 ฉบับ และอาจมีเรื่องตั๋วร่วมด้วย แต่ต้องดูก่อนว่าสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของวิปรัฐบาลได้ทั้งหมดกี่ฉบับ เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรคภูมิใจไทย (ภท.) อาจโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ นายวิสุทธิ์ตอบว่า คงเป็นไปไม่ได้ เพราะพรรค ภท.ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตามมารยาทต้องโหวตให้ อย่าเอาไปโยงเรื่องวุฒิสภา คนละเรื่องคนละประเด็นกัน อย่านำมาพันกับเรื่องงบประมาณแผ่นดิน หากล่าช้าจะมีปัญหา หน่วยงานราชการต้องการใช้งบประมาณ เมื่อถามย้ำว่ายังมั่นใจเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่ นายวิสุทธิ์ตอบว่า “ต้องมั่นใจสิ”

พท.ยันยังพูดคุยกับพรรคร่วมได้

นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรค ภท.เตรียมโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯว่า ไม่อยากให้สังคมคล้อยตามข่าวนี้ เพราะ กกต. และดีเอสไอทำตามหน้าที่จากการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ต่างพร้อมให้ความร่วมมือกับพรรค พท. ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่อยากทำให้สังคมไขว้เขว ไม่เชื่อมั่นในตัวรัฐบาล เมื่อถามว่ายังยืนยันว่าสามารถคุยกับพรรค ภท. และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นได้ใช่หรือไม่ นายดนุพรตอบว่า ถูกต้อง ทุกพรรคยังร่วมมือทำงานให้ประชาชนได้ หากงบประมาณฉบับนี้ไม่ผ่านจริง รัฐบาลมี 2 ทางเลือก คือ นายกรัฐมนตรีต้องลาออก หรือยุบสภาฯเพื่อเลือกตั้งใหม่ ถือเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อถามย้ำว่ายังมั่นใจในเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาล นายดนุพรตอบว่า ใช่ เพราะผู้ใหญ่ในพรรคหรือแม้กระทั่งนายกฯบอกเสมอว่ามีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลใกล้ชิดมาตลอด

แซะพรรคฝ่ายค้านต้องการเขย่า

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองกระแสข่าวที่ออกมามีนัยอะไร หรือเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายดนุพรตอบว่า ทุกครั้งที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯจะเข้าสู่สภา มักมีข่าวเช่นนี้ออกมา ไม่ใช่เรื่องแปลก อาจเป็นไปได้ว่าอยากให้มีการปรับ ครม.หรือไม่ หรือบางคนอาจอยากถูกเชิญเข้ามาร่วมรัฐบาลหรือไม่ หรือบางพรรคที่ได้เสียงแล้วไม่ได้เป็นรัฐบาล อาจอยากให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่แล้วกลับมาเป็นรัฐบาลหรือไม่ ก็เป็นไปได้ จึงต้องตีข่าวว่ารัฐบาลไปต่อไม่ได้แล้ว พรรคนั้นพรรคนี้ไม่โหวตให้ เขย่าให้รัฐบาลลาออก เป็นเกมการเมือง แต่เรายังเชื่อมั่นในพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคว่ายังสามารถร่วมกันได้ดี เมื่อถามว่ายืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ยุบสภา นายดนุพรตอบว่า “แน่นอน แม้การทำงานในพรรคร่วมรัฐบาลอาจมีความเห็นต่างบ้างในบางประเด็น แต่ไม่หนักหนาถึงขั้นพูดคุยกันไม่ได้ เชื่อว่าพูดคุยกันได้”

ฟุ้งเสถียรภาพปึ้กเดินหน้างบฯ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคร่วมรัฐบาลวางแผนคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2569 จนอาจยุบสภาว่า อาจเป็นความพยายามปั่นกระแสการเมืองให้เกิดความวุ่นวาย ยืนยันว่ารัฐบาลมีเสถียรภาพ เสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลยังแน่นหนา ไม่มีเงื่อนไขนำไปสู่การยุบสภาในตอนนี้ เสียงพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่น ต่างตระหนักดีว่าหน้าที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ คือการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ดูแลค่าครองชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทุกกลุ่ม ทุกนโยบายต้องขับเคลื่อนด้วยงบประมาณเป็นเครื่องมือ หากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯถูกคว่ำประชาชนคือผู้เสียประโยชน์ ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2569 คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ รัฐบาลไม่เล่นเกมการเมือง ไม่เอาอนาคตของประเทศและประชาชนไปเสี่ยงส่วนการตรวจสอบเรื่องการได้มาซึ่ง สว. เป็นกระบวนการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาล และไม่ควรนำมาโยงกับการพิจารณางบประมาณ หรือสร้างความสับสนต่อเสถียรภาพของฝ่ายบริหาร รัฐบาลยังมั่นคงยังทำงานได้เต็มที่และจะเดินหน้าครบวาระ 4 ปีตามเจตนารมณ์ที่ตั้งใจ

ปมแพทยสภา รบ.ไม่เข้าไปแทรก

นายอนุสรณ์ยังกล่าวถึงการตรวจสอบกรณีการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจว่า เป็นเรื่องที่อยู่ภายใต้ดุลพินิจและกระบวนการพิจารณาของแพทยสภา ไม่ควรถูกนำไปโยงเป็นประเด็นการเมือง หรือสร้างวาทกรรมโจมตีรัฐบาล เรื่องดังกล่าวเกิดก่อนที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำหน้าที่ โดยเฉพาะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ รับตำแหน่งหลังนายทักษิณได้รับการปล่อยตัวแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกันโดยสิ้นเชิง และไม่ควรมีใครพยายามสร้างกระแสเบี่ยงเบน หรือทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน ประเด็นที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของวิชาชีพเฉพาะด้าน มีคณะกรรมการแพทยสภากำกับดูแลอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงได้ การที่สังคมตรวจสอบอย่างเปิดเผยคือหลักฐานว่าประเทศไทยมีระบบธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง รัฐบาลไม่เคยเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยว ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เสียสมาธิการทำงาน นายกฯมีขวัญกำลังใจที่ดี และยังคงเดินหน้าทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มที่

ภท.ปัดกระแสคว่ำ พ.ร.บ.งบฯ 69

น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ปฏิเสธกระแสข่าวพรรคภท.ส่อคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯว่า พรรค ภท.เห็นว่า พ.ร.บ.งบประมาณเป็นกฎหมายที่มีประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ และแก้ปัญหาประชาชน ขอปฏิเสธข่าวสิ้นเชิงไม่เป็นความจริง พรรค ภท.ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล มีรัฐมนตรีที่กำกับดูกระทรวงซึ่งมีส่วนร่วมจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ไม่มีเหตุไม่สนับสนุน

สว.น้ำเงินทำยึกยักเข้ารับข้อหา

นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล 1 ใน 55 สว. ที่ถูกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือก สว. กล่าวสั้นๆกรณีถูกคณะกรรมการไต่สวนและสืบสวนเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้ว สว.ว่า คงคิดดูก่อนว่าจะไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันเวลาดังกล่าวหรือไม่ แต่ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง

ราชทัณฑ์โต้ข่าวฟ้องแย้งแพทยสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมราชทัณฑ์แจกเอกสารชี้แจง กรณีมีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวและพาดหัวระบุว่า “รพ.ราชทัณฑ์ เล็งฟ้องศาลเพิกถอนมติแพทยสภา” หลังมีมติลงโทษแพทย์ 3 ราย จากการรักษาพยาบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ระบุว่า เบื้องต้นขณะนี้ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์รับทราบข่าวสารเกี่ยวกับมติที่ประชุมแพทยสภา ในการพิจารณากรณีจริยธรรมของแพทย์ ส่งนายทักษิณ ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ผ่านการเผยแพร่จากสื่อมวลชนเท่านั้น ยังต้องรอคำวินิจฉัยของกระทรวงสาธารณสุข โดย รมว.สาธารณสุข จึงยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ข้อมูลที่สื่อมวลชนนำออกมาเผยแพร่อาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคมและอาจส่งผลกระทบระหว่างหน่วยงานต่างๆ อีกทั้งบุคลากรทางการแพทย์ในสังกัดกรมราชทัณฑ์ ยังคงยึดหลักปฏิบัติตามข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมเสมอมา

“อิทธิพร” ยึดตามกรอบคดีฮั้ว สว.

ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์กรณี สว. ตั้งคำถามว่า กกต.ทำเกินไปหรือไม่ว่า เรื่องการปิดหมาย การส่งหมายหรือการส่งหนังสือแจ้งนัดตามระเบียบ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต.ที่แต่งตั้งขึ้นจำนวน 25 ชุด และบวกอีกหนึ่งชุด คือคณะที่ 26 คณะพิเศษ อำนาจหน้าที่ดำเนินการเช่นนี้ เป็นการใช้ดุลพินิจจะเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เมื่อถามว่ามองว่าการเลือกสว.มีเรื่องร้องเรียนหลายเรื่อง แต่เหตุใดหยิบประเด็นฮั้วขึ้นมาพิจารณาก่อน นายอิทธิพรตอบว่า ไม่ได้หยิบ เป็นกระบวนการที่เราทราบว่าตั้งแต่มีการเลือก สว. กกต.ได้แจ้งจำนวนตัวเลขคำร้องเรียนมาเรื่อยๆ และแจ้งว่าส่วนที่เกี่ยวกับการฝ่าฝืนมาตรา 77 (1) ซึ่งเกี่ยวพันกับเรื่องฮั้วกำลังดำเนินการอยู่ มีการรายงานความคืบหน้าเป็นระยะๆว่าดำเนินการไปเท่าไรแล้ว ทุกอย่างมีความคืบหน้ามาตลอด ไม่ได้เร่ง เป็นไปตามเวลา เพราะกำหนดกรอบเวลาไว้ว่าจะปฏิบัติให้เสร็จในทุกสำนวนคือ 1 ปี

โต้ดีเอสไอไม่ได้บีบ กกต.ขอเอง

เมื่อถามย้ำว่า เรื่องนี้ถูกมองว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาบีบการทำงานของ กกต.หรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า ไม่ได้บีบ ขอย้ำอีกครั้งว่า กกต.ขอให้ดีเอสไอแต่งตั้งเจ้าพนักงานที่มีความรู้ ประสบการณ์ และความสามารถ เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 เป็นการทำงานร่วมกัน ไม่ได้มีใครมาบีบใคร เมื่อถามว่าเรื่องนี้ถูกมองเป็นการเมือง กกต.กังวลหรือไม่ นายอิทธิพรตอบว่า ไม่ ตามที่แจ้งมาตลอดว่า กกต.เวลาทำอะไรยึดขั้นตอนตามกฎหมาย เราทราบดีถึงแรงกดดันภายนอก เป็นเรื่องปกติ เพราะ กกต.มีหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติได้เป็นไปตามกฎหมายมากที่สุด จะแสดงให้เห็นว่า กกต.ไม่ได้ทำไปเพราะเห็นเป็นอย่างอื่น เราทำตามกฎหมาย

“แพทองธาร” จัดคิวเยือนเวียดนาม

วันเดียวกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ที่กรุงฮานอย อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 15-16 พ.ค. เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม สู่ระดับ “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน” พร้อมเข้าร่วมประชุม (JCR) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 กับนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และคณะ ตอกย้ำบทบาทสำคัญของไทยในภูมิภาค และความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ และไทย-เวียดนามจะลงนามเอกสารสำคัญประกอบด้วย แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการยกระดับความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม สู่หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน เพิ่มความร่วมมือใน 3 เสาหลัก คือ การเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน การเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน และการเป็นหุ้นส่วนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจและการค้า รวมไปถึงผนึกกำลังอาเซียน ร่วมกันเผชิญหน้ากับการค้าโลกที่อาจชะลอตัวจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ

ไทยยังเป็นที่นิยมหมู่นักเที่ยวจีน

น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อมูลล่าสุดจาก Alipay และแอปพลิเคชันในเครือ Alipay+ ระบุว่าประเทศไทยยังคงครองตำแหน่งท็อป 5 จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน ในช่วงวันหยุดยาววันแรงงาน และเทศกาล Golden Week ที่ผ่านมา โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยม ได้แก่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น มาเก๊า เกาหลีใต้ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฝรั่งเศส แคนาดา และอิตาลี ความนิยมของไทยเกิดจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งระบบการชำระเงินผ่าน Alipay ที่รองรับนักท่องเที่ยวจีนได้สะดวกสบาย ครอบคลุมร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และระบบขนส่ง อีกทั้งยังมีความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรมที่น่าประทับใจ และการต้อนรับอย่างอบอุ่นของคนไทย ทั้งนี้ รัฐบาลเตรียมจัดกิจกรรมพิเศษ “Sawasdee Ni Hao” ในวันที่ 29 พ.ค. เชิญผู้ประกอบการและสื่อมวลชนจากจีนมาเยือนประเทศไทยและสัมผัสประสบการณ์จริง กระชับความสัมพันธ์เชิงวัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม

โพลชี้คนห่วงกังวล ศก.ปากท้อง

ขณะที่สวนดุสิตโพล เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,229 คน เรื่อง “คนไทยกับการรับมือปัญหาเศรษฐกิจ” ระหว่างวันที่ 6-9 พ.ค. พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 51.59 มองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทย ณ วันนี้ ทำให้ค่อนข้างกังวล เรื่องที่กังวลมากที่สุด คือ ราคาสินค้าแพงขึ้น ทั้งนี้ หากไม่มีรายได้เลย ประชาชน ร้อยละ 48.32 จะมีเงินสำรองฉุกเฉินต่อไปได้น้อยกว่า 1 เดือน โดยร้อยละ 77.37 มีแนวทางการรับมือ ด้วยการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ด้านการวางแผนการเงินส่วนบุคคล ร้อยละ 58.99 มีการวางแผนแต่ไม่ได้ทำต่อเนื่อง เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ร้อยละ 76.06 ไม่เชื่อมั่น มีร้อยละ 23.94 ที่เชื่อมั่น

มองการเมืองใกล้เข้าสู่ทางตัน

ด้านซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง ทางตันของการเมือง จากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,143 ราย ระหว่างวันที่ 5-10 พ.ค. พบว่าร้อยละ 47.1 คิดว่าการเมืองกำลังเข้าสู่ทางตัน มีร้อยละ 21.0 ไม่คิดว่าการเมืองจะเข้าสู่ทางตัน ทั้งนี้ เหตุผลหลักที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าการเมืองกำลังถึงทางตัน เพราะความขัดแย้งภายในรัฐบาล ปัญหาในวุฒิสภา ปัญหาส่วนตัวของนักการเมืองใหญ่ ปัญหาความไม่เชื่อมั่นของประชาชนต่อการตรวจสอบขององค์กรอิสระ และความรู้สึกว่ามีการเลือกปฏิบัติ ส่วนความหวังของประชาชนต่ออนาคตการเมืองไทย ส่วนใหญ่อยากให้มีการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ แก้ปัญหาปากท้องได้อย่างแท้จริง รองลงมาต้องการเห็นการเมืองที่ทุกฝ่ายร่วมมือกัน ต้องการเห็นองค์กรอิสระที่เป็นกลาง เมื่อถามถึงการคาดการณ์อนาคตทางการเมืองของประเทศ ส่วนใหญ่ร้อยละ 57.8 บอกไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ที่มา ไทยรัฐ