“เสธ.หิ” มั่นใจ “พีระพันธุ์” ไม่ผิดแน่นอนปมแจกถุงยังชีพ ชี้แจงเหตุทำไมถึงมีสติกเกอร์บนถุงข้าวสาร พร้อมเปรียบเทียบกับหนังพิภพมัจจุราช ยืนยันไม่มีเจตนา หลังเห็นสั่งแก้ไขทันที
จากกรณีมีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ป.ป.ช. เตรียมจะเรียกรัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 กรณีการติดสติกเกอร์ชื่อของตัวเองบนถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งที่เป็นถุงยังชีพที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง โดยพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำขัดมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่นำมาบังคับใช้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยนั้น
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา นายหิมาลัย ผิวพรรณ หรือ เสธ.หิ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เจตนาที่ดีย่อมเป็นกุศลกรรม ว่ากันเรื่องถุงยังชีพที่เป็นข่าวอยู่เวลานี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นตนจำได้ว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ มีภารกิจลงไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพ่อแม่พี่น้องที่โดนน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีภารกิจใน 3 จังหวัด เริ่มต้นจากจังหวัดชุมพร ไปสุราษฎร์ธานี และปิดท้ายที่นครศรีธรรมราช ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
นายหิมาลัย เผยต่อไปว่า ที่ชุมพรและสุราษฎร์ธานีผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ตื่นเต้น ซึ่งในการตรวจเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องใน 2 จังหวัดนี้ใช้เวลามากกว่ากำหนดการ ทำให้เมื่อมาถึงจังหวัดนครศรีธรรมราชล่าช้ากว่ากำหนดการมาก เมื่อไปถึงพื้นที่ นายพีระพันธุ์ ก็ตรงไปทักทายพูดคุยกับชาวบ้านที่มารอรับ ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำถุงยังชีพมาให้แจก เจ้าหน้าที่ส่งถุงยังชีพให้โดยหันด้านโลโก้ออกหากล้อง ฝั่งด้านของนายพีระพันธุ์จะเป็นด้านหลังถุงยังชีพที่ไม่มีโลโก้อยู่ ในครั้งแรกจึงยังไม่ได้สังเกตเห็น แต่หลังจากได้เห็นว่ามีรูปติดอยู่บนถุงยังชีพ นายพีระพันธุ์ จึงสั่งการให้รีบไปแก้ไขและไม่ได้อยู่แจกต่อ ซึ่งต่อมาภาพดังกล่าวได้ถูกส่งไปร้องเรียนที่ ป.ป.ช. มีการแจ้งข้อกล่าวหาผ่านสื่อต่างๆ อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้มีการมาสอบถามหรือไต่สวนจากนายพีระพันธุ์ หนังสือเรียกไปชี้แจงข้อกล่าวหานายพีระพันธุ์ก็ยังไม่เคยได้รับ แต่กลับปรากฏรายละเอียดอยู่ตามสื่อทั่วไป
ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงในการตรวจเยี่ยมประชาชนครั้งนั้น นอกจากถุงยังชีพจากบริษัทเอกชนและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แล้ว นายพีระพันธุ์ยังมีข้าวสารที่เหลือจากการจำหน่ายสินค้าราคาถูกในงานรวมไทยสร้างชาติแฟร์นำไปแจกด้วย โดยจะแจกคู่กับถุงยังชีพ ซึ่งถุงข้าวสารรวมไทยสร้างชาติแฟร์นี้ใช้แจกจ่ายในพื้นที่ของจังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานีจนหมด ดังนั้นในจังหวัดนครศรีธรรมราชจึงใช้วิธีไปซื้อข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม จากร้านค้าทั่วไปซึ่งมีอยู่หลายยี่ห้อ หลังจากนั้น น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส.นครศรีธรรมราช จึงได้ไปสั่งทำสติกเกอร์ของนายพีระพันธุ์ ติดบนถุงข้าวสารเหล่านั้นโดยไม่ได้แจ้งให้ท่านทราบ
“เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดจากความหวังดีของทีมทำงาน สส.พิมพ์ภัทรา ได้เปิดถุงยังชีพของเอกชนออกดูเห็นว่ามีข้าวสารอยู่แค่ 2 กิโลกรัม จึงมีความคิดว่านำข้าวสาร 5 กิโลกรัม ที่นายพีระพันธุ์ให้มาแจกใส่เพิ่มเข้าไปในถุงยังชีพ เพื่อให้ผู้ที่รับถุงยังชีพถือกลับบ้านได้อย่างสะดวก ไม่ต้องถือเป็น 2 ถุง หลังจากเอาข้าวสารใส่ในถุงแล้ว ด้วยความหวังดีของน้องๆ อาสาสมัครที่มาช่วยงาน เห็นว่าในถุงยังชีพมีข้าวสารของนายพีระพันธุ์อยู่ด้วย ประกอบกับสติกเกอร์ที่ใช้สำหรับแปะถุงข้าวสารยังเหลืออยู่ จึงเอาแปะเข้าไปบนถุงยังชีพด้วย”
นายหิมาลัย ระบุอีกว่า สำหรับถุงยังชีพนี้ทางหน่วยงานในท้องถิ่นก็เป็นผู้ทำเรื่องขอรับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชนโดยตรง จะเห็นได้ว่ากระบวนการในการจัดเตรียมและแจกถุงยังชีพในครั้งนี้ นายพีระพันธุ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และไม่ได้มีเจตนาที่แสวงหาประโยชน์จากเรื่องนี้แต่อย่างใด ดังจะเห็นได้ว่าในพื้นที่ของจังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งมีการแจกถุงยังชีพในวันดังกล่าวเหมือนกัน แต่ไม่มีที่ใดมีการแปะสติกเกอร์ของนายพีระพันธุ์บนถุงยังชีพแม้แต่ถุงเดียว ถ้านายพีระพันธุ์มีเจตนาจะแสวงหาผลประโยชน์จากกระทำการดังกล่าวแล้ว จะต้องสั่งการให้ทั้งสองที่นั้นทำเหมือนเหมือนกัน
ในตอนท้าย นายหิมาลัย เผยด้วยว่า เหตุการณ์นี้ทำให้นึกถึงหนังเรื่องพิภพมัจจุราชที่เคยดูตอนเด็กๆ มีอยู่ตอนหนึ่งที่มีตัวละครในเรื่องไปเหยียบมดหรือแมลงโดยไม่ได้ตั้งใจ และเจ้าตัวก็ไม่ทราบเพราะไม่เห็น เจ้ามดหรือแมลงนี้ก็นำความไปฟ้องยมบาล พอท่านได้สืบสาวเรื่องราวต่างๆ ท่านก็ตัดสินว่าตัวละครตัวนั้นไม่มีความผิด เนื่องจากไม่มีเจตนาและไม่ได้ทราบการกระทำนั้น ให้มดหรือแมลงนั้นอโหสิกรรมให้ แต่ในเรื่องถุงยังชีพนี้ยิ่งกว่านั้นอีก คือคนที่เหยียบมดหรือแมลงนั้น นายพีระพันธุ์ก็ไม่รู้จัก แล้วก็ไม่รู้เรื่องด้วย เรื่องนี้ถ้าให้ยมบาลตัดสินท่านคงพ้นผิดและไม่บาปเพราะไม่ใช่การกระทำของท่าน ในทางตรงกันข้ามการนำข้าวสารไปแจกเป็นเจตนาที่ดีย่อมเป็นกุศลกรรมคุ้มครองให้ท่านปลอดภัยจากมารทั้งหลายทั้งปวง ถ้ามาตรฐานจริยธรรมมาจากรากฐานทางคุณธรรมของมนุษย์แล้ว ตนว่าท่านก็ไม่ผิดแน่นอน.
ที่มา ไทยรัฐ