ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุญาตประกันตัว 8 จำเลยระหว่างอุทธรณ์คดีเปลี่ยนความเร็วรถ “บอส อยู่วิทยา”
วันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 131/2567 และคดีหมายเลขแดงที่ อท 68/2568 ซึ่งอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ 1 กับพวกรวม 8 คน เป็นจำเลย
คดีนี้เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาว่าอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอดีตรองอัยการสูงสุด กับพวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบโดยสนับสนุนช่วยเหลือผู้ต้องหาให้ไม่ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ผ่านการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถและการสั่งไม่ฟ้องคดี
ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 200 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และจำเลยที่ 8 มีความผิดตามกฎหมายเดียวกัน การกระทำของจำเลยที่ 4 และที่ 8 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. มาตรา 172 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยที่ 4 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลสั่งจำคุก 2 ปี และจำเลยที่ 8 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลสั่งจำคุก 3 ปี
อย่างไรก็ตาม ศาลยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 แต่ให้หมายขังจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 และจำเลยที่ 5 ถึงที่ 7 ไว้ระหว่างอุทธรณ์ เว้นแต่จะมีประกัน
คดีนี้สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 เมื่อนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถยนต์ชนท้ายรถจักรยานยนต์ของ ดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ เป็นเหตุให้ดาบตำรวจวิเชียรถึงแก่ความตาย ประเด็นสำคัญในคดีนี้อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธขับ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญในการพิจารณาความผิดฐานขับรถโดยประมาท
พยานหลักฐานเดิมระบุว่ารถยนต์ของนายวรยุทธขับด้วยความเร็วเฉลี่ยประมาณ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงคำให้การโดยอ้างว่าความเร็วอยู่ที่ประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ศาลพิจารณาประเด็นการใช้อิทธิพลบังคับ กดดัน และโน้มน้าวพยาน เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถ
อัยการสูงสุดยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 8 ในข้อหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และการสนับสนุนช่วยเหลือผู้ต้องหา ศาลพิจารณาประเด็นอำนาจหน้าที่ของจำเลยแต่ละคน การสอบสวนของพนักงานอัยการ และความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาจำเลยที่ 1-8 ยื่นประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยจำเลยใช้หลักประกันและสัญญาประกันเดิม
โดยศาลมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1-8 มีประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/