มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดประกาศจะให้นักศึกษาจากครอบครัวรายได้ไม่ถึง 200,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีได้เรียนฟรี รวมทั้งขยายขอบเขตผู้มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือทางการเงิน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐฯ ประกาศในวันจันทร์ที่ 17 มี.ค. 2568 ว่าพวกเขาเตรียมให้นักศึกษาปริญญาตรีที่มาจากครอบครัวรายได้น้อยกว่า 200,000 ดอลลาร์ต่อปี (6.7 ล้านบาท) ได้รับการศึกษาโดยไม่ต้องจ่ายค่าเรียน
นอกจากนั้น ฮาร์วาร์ดยังจะให้นักศึกษาจากครอบครัวที่รายได้ต่อปีไม่ถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐได้เรียนฟรีอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินในด้านต่างๆ ทั้งค่าเรียน ค่าอาหาร ที่อยู่ ประกันสุขภาพ และค่าเดินทาง เพื่อให้มหาวิทยาลัยอายุ 388 ปีแห่งนี้กลายเป็นสถาบันศึกษาขั้นสูงที่นักศึกษาเข้าถึงได้มากขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นในภาคการศึกษาปี 2568-2569 โดยฮาร์วาร์ดประเมินว่าจะมีครอบครัวในสหรัฐฯ ถึง 86% ที่มีคุณสมบัติได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากทางมหาวิทยาลัย โดยก่อนหน้านี้ นักศึกษาที่จะได้เรียนฟรีต้องมาจากครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 85,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปีเท่านั้น
ทั้งนี้ ตามข้อมูลที่ระบุบนเว็บไซต์ของฮาร์วาร์ด นักศึกษาปริญญาตรีของพวกเขาจะเสียค่าเล่าเรียนเฉลี่ยปีละ 56,550 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.9 ล้านบาท) แต่เมื่อรวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่างค่าที่พัก ค่าอาหาร บริการสุขภาพ และบริการสำหรับนักศึกษาอื่นๆ ค่าใช้จ่ายของการเข้าเรียนในฮาร์วาร์ดอาจสูงกว่าปีละ 80,000 ดอลลาร์ (ราว 2.68 ล้านบาท)
ประกาศของฮาร์วาร์ดไม่ได้พูดถึงรัฐบาลทรัมป์ แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากทำเนียบขาวเพิ่มการโจมตีระบบการศึกษาขั้นสูง และยกเลิกเงินทุนสำหรับมหาวิทยาลัยบางแห่ง
อนึ่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถาบันการศึกษาขั้นสูงหลายแห่งเริ่มขยายขอบเขตของมาตรการเงินช่วยเหลือให้เข้าถึงคนมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการให้นักศึกษาจากครอบครัวรายได้น้อยเรียนฟรี กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียกับสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ก็ประกาศนโยบายให้นักศึกษาจากครอบครัวรายได้ไม่ถึง 200,000 ดอลลาร์เรียนฟรี ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเท็กซัสประกาศจะขยายโครงการเรียนฟรีให้ครอบคลุมนักศึกษาจากครอบครัวที่รายได้ต่อปีไม่ถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐทั้งหมด
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : theguardian