รัฐบาลเสียงข้างน้อยของโปรตุเกสแพ้โหวตไม่ไว้วางใจ ทำให้ประเทศต้องเตรียมจัดการเลือกตั้งกันใหม่เป็นครั้งที่ 3 ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อยฝ่ายกลางขวาของนายกรัฐมนตรี ลูอิส มอนเตเนโกร แห่งประเทศโปรตุเกส พ่ายแพ้การลงมติไม่ไว้วางใจในวันอังคารที่ 11 มี.ค. 2568 ไปด้วยคะแนนเสียง 142 ต่อ 88
การแพ้โหวตไม่ไว้วางใจไม่ได้มีข้อผูกมัดให้ประธานาธิบดี มาร์เซโล เรเบโล เด เซาซา ต้องยุบสภา แต่เขาแสดงความชัดเจนไว้ก่อนแล้วว่า หากรัฐบาลแพ้โหวตเขาจะยุบสภา และคาดว่าการเลือกตั้งครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ รัฐบาลเป็นผู้ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจในครั้งนี้เอง หลังจากพรรคสังคมนิยม ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ประกาศว่าจะผลักดันกระบวนการสอบสวนของรัฐบาล เรื่องการจัดการธุรกิจของนายกรัฐมนตรีมอนเตเนโกร หลังจากเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ สื่อในประเทศรายงานถึงความผิดปกติในบริษัทที่เขาก่อตั้ง
บริษัทดังกล่าวมีชื่อว่า “สปีนุมวีวา” (Spinumviva) ถูกตั้งคำถามว่าทำไมบริษัทยังคงได้รับเงินก้อนโตจากลูกค้าเก่าของนายมอนเตเนโกร แม้เขาจะได้รับเลือกเป็นประธานพรรคสังคมประชาธิปไตย (PSD) กับหัวหน้าฝ่ายค้านในปี 2565 และโอนความเป็นเจ้าของบริษัทให้ภรรยากับลูกชายทั้งสองคนแล้ว
ความถูกต้องของการโอนความเป็นเจ้าของบริษัทให้ภรรยาก็ถูกพรรคฝ่ายค้านตั้งคำถาม เนื่องจากตามกฎหมายโปรตุเกส คู่สมรสจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินร่วมกัน นายมอนเตเนโกรกับภรรยาจึงแก้ปัญหาด้วยการโอนความเป็นเจ้าของให้ลูกชายทั้งสองคนเมื่อ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา
แต่ก็ยังมีคำถามอีกว่า รายงานของบริษัทนี้มาจากที่ไหน, สปีนุมวีวาให้บริการอะไร และลูกค้าของบริษัทเป็นใครกันแน่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ยอมเปิดเผย
นายมอนเตเนโกรกล่าวว่า บริษัทนี้มีบริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว, อสังหาริมทรัพย์ และจัดหาเอาท์ซอร์ส ซึ่งสมาคมเนติบัณฑิตยสภาของโปรตุเกสกำลังตรวจสอบว่า บริษัทนี้ให้บริการที่มีแต่นักกฎหมายเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ทำได้หรือไม่
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนจะเป็นโอกาสดีสำหรับพรรค “เชกา” ฝ่ายขวาจัดและพรรคใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ในการโจมตีรัฐบาลข้อหาคอร์รัปชัน แต่พวกเขาก็เพิ่งเผชิญเรื่องอื้อฉาวของตัวเอง เมื่อ ส.ส.ของพวกเขา 3 คน ถูกกล่าวหาในคดีอาชญากรรม โดยคนหนึ่งถูกตั้งข้อหาขโมยกระเป๋าเดินทางที่สนามบินลิสบอน
ตอนนี้ พรรคสังคมนิยม (Socialists) ของนาย เปโดร นูโน ซานโตส มีคะแนนนิยมเป็นอันดับ 1 ตามด้วยพันธมิตรพรรค PSD กับพรรคประชาชน (PP) แต่นักวิเคราะห์มองว่า ไม่มีพรรคการเมืองใหญ่พรรคใดที่ต้องการให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะเกรงว่าประชาชนจะเบื่อหน่าย และไม่เลือกรัฐบาลใหม่ เพราะรัฐบาลปัจจุบันเพิ่งทำงานได้ไม่ถึง 1 ปี
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc