วาติกันเผย โป๊ปฟรานซิสอาการทรงตัวแล้ว หลังเกิดวิกฤตทางเดินหายใจเฉียบพลัน โดยพระองค์ตอบสนองต่อการบำบัดด้วยออกซิเจนได้ดี
สำนักวาติกันอัปเดตอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 1 มี.ค. 2568 ระบุว่า พระองค์มีอาการทรงตัวแล้ว หลังเกิดอาการหดเกร็งของหลอดลม (bronchospasm) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการอาเจียนและอาการทางเดินหายใจทรุดลงเฉียบพลัน ทำให้ต้องรับออกซิเจนผ่านทางหน้ากากเพื่อช่วยเรื่องการหายใจ
อย่างไรก็ตามในวันเสาร์ โป๊ปฟรานซิสไม่มีอาการวิกฤตด้านทางเดินหายใจแล้ว และตอบสนองต่อการรักษาด้วยออกซิเจนเป็นอย่างดี โดยพระองค์ได้รับออกซิเจนการไหลสูงเป็นเวลานาน สลับกับการรับออกซิเจนทางหน้ากาก
ขณะที่ผลการตรวจเลือดไม่พบการเพิ่มขึ้นของเซลล์เม็ดเลือดขาว บ่งชี้ว่าทั้งอาการติดเชื้อหรืออักเสบ และการไหลเวียนโลหิตของโป๊ปฟรานซิสยังคงทรงตัว
แถลงการณ์บอกอีกว่า โป๊ปฟรานซิสยังสามารถเสวยพระกระยาหารได้ และให้ความร่วมมือกับการฟื้นฟูสมรรถภาพปอดอย่างแข็งขัน ก่อนที่ในช่วงบ่ายวันเสาร์ พระองค์จะทำพิธีรับศีลมหาสนิท และอุทิศตนกับการสวดมนต์ภาวนา
ก่อนหน้านี้ สำนักวาติกันระบุว่า โป๊ปฟรานซิสมีอาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเกิดวิกฤตทางเดินหายใจอย่างกะทันหันในวันศุกร์ ซึ่งแพทย์ยังไม่เปิดเผยผลการทำนายโรคของโป๊ปฟรานซิสออกมา แต่ยืนยันว่าสมเด็จพระสันตะปาปายังคงตื่นตัวและเข้าใจเรื่องต่างๆ ได้ดี
ด้านแหล่งข่าวในสำนักวาติกันบอกกับสำนักข่าว บีบีซี ว่า แพทย์ต้องการเวลา 24-48 ชั่วโมงในการลงความเห็นว่า เกิดความเสียหายหรือความเสื่อมถอยใดๆ ต่ออาการโดยรวมของโป๊ปฟรานซิสหรือไม่ หลังเกิดวิกฤตทางเดินหายใจเฉียบพลันดังกล่าวหรือไม่
ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสประสบปัญหาสุขภาพเป็นระยะ เนื่องจากพระองค์มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อในปอดง่ายกว่าปกติ เนื่องจากเคยเป็นโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบและต้องตัดส่วนหนึ่งของปอดออกไปในตอนอายุ 21 ปี แต่ครั้งนี้นับเป็นการประทับโรงพยาบาลนานที่สุด โดยตอนนี้เข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 แล้ว
ที่มา ไทยรัฐ