หมายจับหนุ่มจีน บีบเด็กเอ็นอัปยา ให้เสพแฮปปี้ วอเตอร์ เหยื่อสิ้นใจคาโรงแรม

น.1 สั่งล่า “หนุ่มจีน” บังคับ สาวเอ็นอัปยาจนเสียชีวิต หลังศาลออกหมายจับ คาดโทษดำเนินคดีอาญาและวินัยตำรวจช่วยเหลือกลบเกลื่อนคดี ไม่รายงานเหตุมาที่ บช.น.ตั้งแต่แรก เรียกโมเดลลิ่งรับงานสอบเพิ่ม หลังมีข่าวสั่งให้ผู้ตายร่วมอัปยากับลูกค้าด้วย ด้านครอบครัวเหยื่อโวยแหลก หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะโมเดลลิ่งต้นเหตุมีแฟนเป็นตำรวจ เรื่องราวเลยถูกปิดเงียบมาหลายวันก่อนถูกเพจข่าวออกมาแฉ แชตโต้ตอบตอนสั่งให้เหยื่ออัปยากับลูกค้าถูกลบทิ้ง ก่อนความแตกมีตำรวจมาเจรจาให้เลือก 2 ทาง รับเงินเยียวยา 5 แสนบาท หรือดำเนินคดีถึงที่สุด แต่ขู่ว่าแพ้คดีแน่ เพราะคนตายรับงานเอง “ผบก.น.4” เต้น ตั้งกรรมการสอบตำรวจ สน.โชคชัย ยันไม่ได้ปิดข่าว แต่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย แฉยาที่ทำให้เหยื่อเสียชีวิตคือ “แฮปปี้ วอเตอร์” และ “เคตามีน” อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ ผู้ต้องหาออกนอกประเทศไม่ได้แน่ ประสาน ตม.สกัดทุกเส้นทางแล้ว

ล่าตัวหนุ่มจีนดำเนินคดีบังคับสาวเอ็นอัปยาดับรายนี้ เปิดเผยขึ้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ก.พ. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. และตำรวจ สน.โชคชัย เร่งรัดติดตามความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี หลังรับงานจากโมเดลลิ่งให้ไปดูแลลูกค้าชาวจีน ระบุลักษณะงานว่าต้องเสพสารเสพติด ต่อมาพบเสียชีวิตภายในโรงแรมย่านเลียบด่วน

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ตำรวจ สน.โชคชัย รับแจ้งหญิงสาวเสียชีวิตที่ห้อง 112 โรงแรมแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ ไปตรวจสอบพบ น.ส.เอ เสียชีวิตอยู่บนเตียงลักษณะไม่สวมใส่เสื้อผ้าท่อนบน ตรวจสอบไม่พบบาดแผลตามร่างกายหรือร่องรอยการต่อสู้ ไล่กล้องวงจรปิดพบว่าเมื่อวันที่ 9 ก.พ. เวลา 23.16 น. มีชายชาวจีนมาเปิดห้อง ก่อนเวลาประมาณ 02.51 น.วันที่ 10 ก.พ. น้องเอ เดินทางมายังโรงแรมเข้าพักห้องดังกล่าว กล้องวงจรปิดจับภาพได้อีกครั้งเวลา 06.16 น. วันที่ 10 ก.พ. ชายชาวจีนออกจากห้องไปไม่กลับเข้ามาอีกเลย หลังจากนั้นไม่พบบุคคลใดเข้าออกห้องอีก กระทั่งพนักงานโรงแรมแจ้งเหตุว่า พบบุคคลเสียชีวิตในโรงแรม

“กรณีดังกล่าว พล.ต.ท.สยามกำชับสั่งการให้ชุดทำงานเร่งรัดติดตามความคืบหน้าคดี พร้อมให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวผู้เสียชีวิต หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายใดบกพร่อง ให้ความร่วมมือปกปิดข้อมูลหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด น.1 สั่งการลงโทษขั้นเด็ดขาดทั้งทางวินัยและทางอาญา เบื้องต้นสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้วหลายปาก เร่งรัดผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งเรียกตัวโมเดลลิ่งเจ้าของงานเข้ามาให้การตำรวจ อยู่ระหว่างสอบปากคำ” รอง ผบช.น.กล่าว

พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวด้วยว่า ล่าสุดวันนี้พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับนายดูยิง วู (Mr.Duoying wu) หรือชื่อไทยนายเจษฎา อายุ 37 ปี เลขที่ 1014/2568 ลงวันที่ 16 ก.พ.2568 ข้อหากระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อยู่ระหว่างการติดตามตัว ประสาน ตม.สกัดกั้นทุกช่องทางแล้ว ส่วนผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้จะดำเนินการตามพยานหลักฐานจนถึงที่สุดต่อไป

คดีนี้สืบเนื่องจากเวลา 07.10 น. วันที่ 10 ก.พ. ร.ต.อ.สันติชาติ ปัญญาน๊ะ รอง สว. (สอบสวน) สน.โชคชัย รับแจ้งจาก น.ส.ประกายดาว จานเขื่อง อายุ 25 ปี พนักงานต้อนรับโรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ ว่าพบศพหญิงสาวเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุในห้องเลขที่ 112 รายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผกก.สน.โชคชัย และฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ที่เกิดเหตุบนเตียงพบศพ น.ส.เอ อายุ 23 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด สภาพนอนหงายเปลือยกาย มีผ้าห่มสีขาวคลุมท่อนล่าง บนโต๊ะมีขวดน้ำและแก้ววางอยู่ ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผล

ที่ สน.โชคชัย เวลา 11.30 น. นางเสาวนีย์ อายุ 45 ปี มารดา และ น.ส.อัญรัตน์ อายุ 23 ปี พี่สาวของ น.ส.เอ เดินทางจาก จ.ร้อยเอ็ด เข้าพบ พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผกก.สน.โชคชัย และพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี ทันทีที่มาถึงนางเสาวนีย์มีอาการจะเป็นลม เจ้าหน้าที่ต้องพาไปพักในห้องรับแจ้งความ น.ส.อัญรัตน์ พี่สาว เผยว่า ตนและครอบครัวเพิ่งทราบว่าน้องรับงานแบบนี้ตอนที่ตํารวจโทร.มาแจ้งว่าพบศพ ที่ผ่านมารู้แค่ว่า น้องทํางานประจําอยู่บริษัทขนส่งแห่งหนึ่งก่อนเปลี่ยนเป็นงานพาร์ตไทม์ น้องมีปัญหาส่วนตัวเลิกกับแฟนเมื่อเดือน พ.ย.67 จากนั้นย้ายมาอยู่คนเดียวที่หอ เคยโทร.มาขอเงินที่บ้านแต่ทางบ้านไม่มีให้

“ส่วนตัวเชื่อว่าน้องรับงานเป็นครั้งแรก เพราะก่อนเสียชีวิตน้องอยู่ด้วยกันที่ จ.ร้อยเอ็ด ไม่มีอาการคนติดยาหรือพูดถึงงานดังกล่าว คืนวันที่ 10 ก.พ.เวลาประมาณ 01.30 น. น้องบอกกับแฟนคนปัจจุบันว่า จะออกไปทํางานแต่ไม่ได้บอกว่างานอะไร มีรถมารับออกจากหอพักซอยลาดพร้าว 107 แฟนของน้องเพิ่งมาทราบหลังจากเสียชีวิตแล้วว่าน้องทำงานดังกล่าว เหตุผลที่ครอบครัวรีบฌาปนกิจศพที่วัดบึงทองหลางเนื่องจากไม่มีเงิน ต้องไปกู้ยืมมาและทางวัดช่วยเหลือบางส่วน จัดงานเพียงวันเดียวและฌาปนกิจไปเมื่อวันที่ 13 ก.พ.” น.ส.อัญรัตน์กล่าว

ถามว่าครอบครัวติดใจสาเหตุการเสียชีวิตหรือไม่ น.ส.อัญรัตน์กล่าวว่า ติดใจตรงเพื่อนน้องบอกว่าน้องไม่เคยเล่นยาหรือรับงานแบบนี้มาก่อน แต่ครอบครัวไม่มีหลักฐานยืนยัน หลักฐานทั้งหมดอยู่ในห้องเกิดเหตุกับตํารวจ อยากได้หลักฐานของน้องคืนทั้งหมด เช่น โทรศัพท์มือถือเคยขอไปแล้วแต่ตํารวจแจ้งว่ายังให้ไม่ได้ ต้องรอคดีสิ้นสุดก่อน แต่ประสานจะเยียวยาให้เพื่อจบเรื่อง รอบแรกเป็นโมเดลลิ่งที่ 1 โทร.มาบอกว่า ฝ่ายชายต้องการเยียวยาค่าทําศพ 100,000 บาท แต่โมเดลลิ่งแนะนําให้เรียกเพิ่ม ฝ่ายชายจะส่งทนายมาเจรจาแต่ตนยังไม่ตอบกลับ จากนั้นมีโมเดลลิ่งที่สองที่รับงานจากคนจีนติดต่อมาให้เพิ่มเป็น 200,000 บาท ยังไม่ได้ตอบรับและยังไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว

น.ส.อัญรัตน์กล่าวอีกว่า มีเจ้าหน้าที่ตํารวจพูดถึงเรื่องเงินเยียวยาทํานองว่า มีให้เลือก 2 ทางคือให้รับเงินเยียวยาตํารวจจะเป็นตัวกลางเสนอที่ 500,000 บาท หรือไม่รับการเยียวยาแล้วไปสู้ในชั้นศาล แต่น้องเป็นคนรับงานเองถือว่ามีส่วนผิด อีกฝั่งอาจไม่ต้องเยียวยาก็ได้ ต่อให้สู้ก็ไม่มีสิทธิชนะคดี แนวทางที่ 2 ให้ดำเนินคดีถึงที่สุด ตนรู้สึกไม่โอเค ยอมรับว่าตอนนั้นเลือกแนวทางแรก อย่างน้อยยังได้เงินเยียวยาดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เพิ่งทราบเมื่อวานว่า โมเดลลิ่งคนที่ติดต่องานให้คนจีนมีแฟนเป็นตํารวจ รู้จักตํารวจที่รับคดี รู้สึกแปลกเพราะเรื่องเงียบ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม กังวลเนื่องจากคนจีนผู้ก่อเหตุเป็นคนรวย ทําให้วันนี้ตนออกมาสู้ ยืนยันจะดําเนินคดีถึงที่สุด จะได้เงินหรือไม่ตอนนี้ไม่สำคัญแล้ว รวมทั้งอยากให้โมเดลลิ่งคนที่ติดต่องานให้คนจีนและตื๊อให้น้องรับงานมาพูดคุยเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เขาอ้างว่าตอนนี้ลบแชตพูดคุยกับน้องทิ้งหมดแล้ว

หลังจากนั้น น.ส.อัญรัตน์และนางเสาวนีย์ เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กลับออกมา น.ส.อัญรัตน์เผยว่า หลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้สึกสบายใจระดับหนึ่ง เพราะตำรวจระบุว่า เตรียมดำเนินการออกหมายจับชาวจีนที่อยู่กับน้องตอนเสียชีวิต ยังมีข้อกังวลเรื่องพยานหลักฐานบางส่วน โดยเฉพาะแชตพูดคุยระหว่างโมเดลลิ่งผู้รับงานกับน้องที่ถูกลบ รวมทั้งผลตรวจสารเสพติดในร่างกายของน้อง ที่ตำรวจยังไม่ระบุว่าจะออกวันไหน สำหรับประเด็นเรื่องมีนายตำรวจเป็นแฟนโมเดลลิ่งอาจช่วยเหลือทางคดี เรื่องนี้ยังไม่ได้สอบถาม แต่เท่าที่ทราบไม่ใช่ตำรวจ สน.โชคชัย แต่ไม่ทราบว่าเป็นตำรวจหน่วยไหน

ด้าน พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 เผยว่า ผู้ต้องหารายนี้คือ นายดูยิง วู Mr. Duoying Wu หรือนายเจษฎา อายุ 37 ปี เป็นชาวจีนเข้ามาประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายช่วงวันที่ 1 ก.พ. วีซ่าอยู่ได้ถึงเดือน ก.ค. จากการตรวจสอบพบว่าเคยเข้ามาหลายครั้ง สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ หลังเกิดเหตุขึ้นบัญชีเฝ้าระวังของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำให้ผู้ต้องหารายนี้ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้

“หลังจากนี้จะเชิญโมเดลลิ่งที่จัดหางานให้ผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำเพิ่ม หากพบว่าเข้าข่ายความผิดจะถูกดำเนินคดีข้อหาผู้รับจัดหา นอกจากนี้ ยังตรวจสอบข้อความแชตที่ระบุว่า ให้ผู้เสียชีวิตเสพยา ตำรวจจะพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดทางอาญาหรือไม่ ส่วนของกลางยาเสพติดในที่เกิดเหตุพบว่า เป็นยาแฮปปี้วอเตอร์ (Happy Water) เป็นสารเสพติดชนิดใหม่กำลังระบาดในกลุ่มนักเที่ยวและเคตามีน ส่งไปตรวจพิสูจน์ยืนยันแล้ว ข้อมูลการสืบสวนระบุว่า นายดูยิง วู เคยเรียกเด็กเอนเตอร์เทนมาบริการลักษณะนี้หลายครั้ง ใช้โรงแรมดังกล่าวเป็นสถานที่นัดพบ เปิดสมาชิกโรงแรมเพื่อเข้าพักระยะยาว แต่โรงแรมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหาเด็กเอ็น” ผบก.น.4 กล่าว

พล.ต.ต.ธนันท์ธรกล่าวด้วยว่า กรณีนี้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางวินัยหรืออาญาจะดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมใช้เวลากว่า 5 วันจะดำเนินคดี หากไม่มีเพจข่าวเปิดเผยเรื่องนี้อาจถูกปกปิดหรือไม่ ตนยืนยันว่าตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ต้องรอผลตรวจนิติวิทยาศาสตร์และรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัดก่อนออกหมายจับ ยืนยันว่าผู้ต้องหายังอยู่ประเทศไทย ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชุดสืบสวนยืนยันว่าจะสามารถควบคุมตัวได้เร็วๆนี้

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/