รัฐสภาฟิลิปปินส์ลงมติถอดถอนรองประธานาธิบดี ซารา ดูเตอร์เต หลังถูกร้องเรียนเรื่องทุจริต
รัฐสภาฟิลิปปินส์ลงมติถอดถอนรองประธานาธิบดี ซารา ดูเตอร์เต หลังถูกร้องเรียนเรื่องทุจริต โดยดูเตอร์เต บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ถูกกล่าวหาว่าใช้เงินภาษีของประชาชนหลายล้านดอลลาร์ และขู่จะลอบสังหารประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ เธอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและกล่าวหาว่าเธอเป็นเหยื่อของการล้างแค้นทางการเมือง
สภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์ลงมติถอดถอนรองประธานาธิบดีซารา ดูเตอร์เต ในข้อกล่าวหาใช้เงินภาษีของประชาชนโดยมิชอบ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวก่อนที่รัฐสภาจะหยุดพัก 4 เดือน ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมในวันที่ 12 พฤษภาคม
การถอดถอนดูเตอร์เต ถือเป็นสัญญาณของความบาดหมางที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ อดีตพันธมิตรของเธอ ซึ่งข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรกว่า 300 ที่นั่งเป็นพันธมิตรของเขา ซึ่งรวมถึงนายมาร์ติน โรมูอัลเดซ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา
การลงมติถอดถอนดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการเริ่มต้นหาเสียงอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ สำหรับการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นการลงประชามติเกี่ยวกับตำแหน่งประธานาธิบดีของมาร์กอส อย่างไรก็ตาม ดูเตอร์เตยังคงดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีต่อไป เนื่องจากข้อบังคับการถอดถอนจะถูกส่งไปยังวุฒิสภา เพื่อพิจารณาคดีต่อไป และหากวุฒิสมาชิก 16 คน จากทั้งหมด 23 คน เห็นชอบว่าเธอกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา เธอจะถูกปลดออกจากตำแหน่งรองประธานาธิบดี
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 215 คน จาก 306 คน ลงมติถอดถอนนางดูเตอร์เตในข้อกล่าวหาใช้เงินกว่า 612.5 ล้านเปโซ ที่จัดสรรไว้สำหรับวัตถุประสงค์ที่ละเอียดอ่อนและเป็นความลับโดยมิชอบ เงินจำนวนดังกล่าวถูกจ่ายไปยังสำนักงานรองประธานาธิบดีและกระทรวงศึกษาธิการในปี 2022 และ 2023 ซึ่งเธอทำหน้าที่ดูแล จนกระทั่งเธอลาออกจากคณะรัฐมนตรีของนายมาร์กอสในเดือนมิถุนายน 2024
ก่อนหน้านี้ กลุ่มประชาสังคมต่างๆ ได้ยื่นฟ้องคดีถอดถอนนางดูเตอร์เต 3 คดีในช่วงปลายปี 2024 แต่สภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ดำเนินการใดๆ เป็นเวลาหลายสัปดาห์
นักวิเคราะห์การเมืองกล่าวว่า ความล่าช้าดังกล่าวน่าจะเกิดจากการที่นายมาร์กอส พยายามไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการถอดถอน ด้านสมาชิกกลุ่ม Iglesia ni Cristo ซึ่งเป็นกลุ่มศาสนาคริสต์ที่มีอิทธิพลทางการเมืองราว 1.8 ล้านคน ได้จัดการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 มกราคม เพื่อประท้วงขับไล่รองประธานาธิบดีดูเตอร์เตออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สนับสนุนฝ่ายบริหาร ได้ยื่นฟ้องถอดถอนรองประธานาธิบดีเป็นครั้งที่สี่ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่บริษัทสำรวจความคิดเห็นในท้องถิ่นอย่าง Social Weather Stations ระบุว่าชาวฟิลิปปินส์ร้อยละ 41 สนับสนุนการถอดถอนรองประธานาธิบดีดูเตอร์เต โดยร้อยละ 35 คัดค้าน และร้อยละ 19 ยังไม่ตัดสินใจ
โดยปกติแล้ว การยื่นฟ้องถอดถอนประธานาธิบดีจะต้องผ่านคณะกรรมการยุติธรรมของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะประเมินบทความการถอดถอนที่ยื่นต่อเจ้าหน้าที่
นับตั้งแต่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีในปี 2022 ความสัมพันธ์ระหว่างนางมาร์กอสและดูเตอร์เตก็เริ่มเลวร้ายลง ในปี 2024 สภาได้สอบสวนดูเตอร์เตในข้อกล่าวหาใช้เงินโดยมิชอบ นอกจากนี้ ยังเปิดการสอบสวนสงครามยาเสพติดนองเลือด ของนายโรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีผู้เป็นพ่อของดูเตอร์เต ซึ่งถูกศาลอาญาระหว่างประเทศสอบสวนในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคนระหว่างการปราบปรามยาเสพติดที่เริ่มขึ้นในปี 2016
ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024 เมื่อดูเตอร์เตขู่จะลอบสังหารประธานาธิบดี ภริยา และลูกพี่ลูกน้องของเขา ซึ่งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร หากเธอเสียชีวิตในขณะที่การแข่งขันระหว่างทั้งสองทวีความรุนแรงขึ้น คำขู่ดังกล่าวทำให้นายมาร์กอสเปิดการสอบสวนหลายคดีต่อรองประธานาธิบดี ซึ่งต่อมาเธอกล่าวว่าคำพูดของเธอเป็น “แผนการที่ไม่มีมูลความจริง”.
ที่มา The Straits Times
