รองนพศิลป์ นำทีม “สืบนครบาล” ล้อมจับแก๊งค้าอาวุธเถื่อน ย่านกระทุ่มแบน พบอาวุธปืนสงครามเครื่องกระสุนเพียบ สารภาพรับมาจากอรัญประเทศ
วันที่ 25 มกราคม พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รรท.ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล กก.สส.2 บก.สส.บช.น ร่วมกันจับกุม นายภัทรกร (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย สามารถจับกุมได้ที่ซอยสันติปรีชา ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
พร้อมของกลาง อาวุธปืน(M79) 1 กระบอก, อาวุธปืนอาก้าพับฐาน 1 กระบอก, อาวุธปืนอาก้าไม่พับฐาน 5 กระบอก, แมกกาซีน 17 อัน , เครื่องกระสุนปืนขนาด 7.62 ประมาณ 8,000 นัด , เครื่องกระสุนปืนขนาด M 60 ประมาณ 500 นัด
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำชับสั่งการให้ระดมกวาดล้างผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างรวมทั้งกวาดล้างผู้ที่ลักลอบค้าอาวุธปืน อาวุธสงคราม และเครื่องกระสุนปืน ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำโดย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. สั่งการให้สืบสวนหาข่าวกลุ่มผู้ค้าลักลอบขายปืนเถื่อนรายใหญ่เพื่อป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดในพื้นที่
ด้านสืบนครบาล (IDMB) กก.สส.2 บก.สส.บช.น ได้เฝ้าติดตามแก๊งค้าอาวุธสงครามมาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางตำรวจสืบนครบาลได้มีการเข้าตรวจค้นที่บ้านพักของผู้ต้องหาคนดังกล่าวแต่ไม่พบของกลาง ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบเคยถูกแจ้งข้อหาการครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย ในพื้นที่ สภ.ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี จึงได้ติดตามสืบสวนแก๊งค้าอาวุธปืนกลุ่มนี้
กระทั่งทราบว่าในวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมาช่วงเวลากลางคืน จะมีการลักลอบขนอาวุธปืนสงคราม เพื่อนำมาจำหน่ายจึงได้มีการติดตามสะกดรอยตามแก๊งดังกล่าวพบรถต้องสงสัย 2 คัน จอดอยู่บริเวณดังกล่าว ชุดสืบสวนจึงเข้าตรวจค้นภายในรถพบอาวุธปืน อาวุธสงครามเป็นจำนวนมาก มีการทำสีพ่นใหม่และอยู่ในสภาพใช้การได้
พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยต่อว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ารับอาวุธปืนทั้งหมดมาจากบริเวณอรัญประเทศ ก่อนจะนำเข้ามายังจุดพักในกระทุ่มแบนซึ่งเป็นสถานที่ที่เตรียมไว้ และจะนำส่งขายต่อไปยังปลายทาง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมายเข้ามาแล้วประมาณ 2-3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 20,000 บาท สำหรับช่องทางการขายนั้นเป็นการติดต่อโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ราคาขายอยู่ที่ราคา 40,000 – 60,000 บาท อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทางตำรวจจะขยายผลสืบสวนเพื่อหาตัวการผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/