ตำรวจทางหลวงบุกรวบหนุ่มแสบวัย 25 ปี คาคอนโดฯ อ้างตัวเป็นหมอศัลยกรรมใบหน้าทำงานตามคลินิกหลายแห่ง หลังจากนั้นลวงเหยื่อระดมทุนเปิดคลินิกเสริมความงามเอง มีคนหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนกว่า 3 ล้านบาท ต่อมาผู้ร่วมลงทุนเกิดสงสัยพยายามตรวจสอบ พบความจริงถึงกับตะลึง เพราะจบการศึกษาแค่ ม.6 แห่แจ้งความดำเนินคดี หลังถูกจับกุมยังปากแข็งให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เล็งดำเนินคดีเพิ่มหลายข้อหา
ตำรวจทางหลวงบุกรวบหมอปลอมรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ธ.ค. พล.ต.ต. คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำ (30 พ.ย.) สั่งการให้ พ.ต.อ.วันชนะ ทิพย์อาสน์ ผกก.8 บก.ทล. พ.ต.ต.ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สว.กก.8 บก.ทล. และ ร.ต.อ.จรัญ ทองอินทร์ รอง สว.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. นำกำลังจับกุมนายปณัฏฐ์ภูมิ พุฒิพัฒโอภาภูม อายุ 25 ปี ตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือที่ 539/2567 ลงวันที่ 4 พ.ย.2567 ข้อหาฉ้อโกง บริเวณริมถนน พระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม.
คดีนี้สืบเนื่องมาจากตำรวจ ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. ได้เบาะแสว่า นายปณัฏฐ์ภูมิ ผู้ต้องหา มีพฤติกรรมแอบอ้างเป็นหมอเสริมความงาม ไปหลอกผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนเปิดคลินิกเสริมความงามย่านวังทองหลาง พร้อมอ้างว่ามีประสบการณ์และความสามารถในการ ผ่าตัดทำศัลยกรรมใบหน้า จนผู้เสียหายหลงเชื่อยอม นำเงินมาร่วมลงทุนด้วย เป็นเงินถึง 3 ล้านบาท
หลังคลินิกเปิดให้บริการ ผู้เสียหายที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงเสริมความงามสอบถามบรรดาหมอศัลยกรรมที่คุ้นเคยกันว่า รู้จักนายปณัฏฐ์ภูมิหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีใครเคยรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อเลยจึงพยายามตรวจสอบด้วยตัวเองอย่างละเอียดจนพบ ความจริงว่า นายปณัฏฐ์ภูมิจบการศึกษาแค่ ม.6 ไม่ได้ เป็นหมอศัลยกรรมตามที่กล่าวอ้าง แต่ใช้วิธีสวมใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเข้าไปทำงานตามคลินิกเสริมความงามมาแล้วหลายแห่ง ตัดสินใจเข้าแจ้งความ ร้องทุกข์พนักงายสอบสวน สน.วังทองหลาง สอบสวนรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีจนศาลอนุมัติหมายจับไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า นายปณัฏฐ์ภูมิหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ย่านลุมพินี จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบและพบตัว จึงจับกุมได้ดังกล่าว สอบสวนนายปณัฏฐ์ภูมิ ผู้ต้องหา ให้การปฎิเสธ นำตัวส่ง สน.วังทองหลาง ดำเนินคดี หลังจากนี้พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง จะรวบรวม พยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม ข้อหาฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก ข้อหาประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาใช้คำหรือข้อความอื่นใดที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่า ตนเองเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมด้วย
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
