5 โจรแสบอุ้ม 2 จีน รีดทรัพย์ 12 ล้าน ออกอุบายขอแลกเงิน ตำรวจเร่งแกะรอยล่า

5 โจรแสบอุ้ม 2 จีน รีดทรัพย์ 12 ล้าน ออกอุบายขอแลกเงิน ตำรวจเร่งแกะรอยล่า

5 ชายฉกรรจ์บุกอุ้มรีดทรัพย์ 2 นักธุรกิจชาวจีนถึงบริษัทย่านรัชดาภิเษก หลังเหยื่อยอมให้เงินสดไปแล้ว 3.2 ล้านบาทยังไม่พอใจ อุ้มขึ้นรถมุ่งหน้า จ.นครนายก ขู่ฆ่าทิ้ง ให้หาเงินมาให้อีก จนเหยื่อต้องติดต่อญาติให้โอนเงินดิจิทัลมาให้อีก 270,000 USDT คิดเป็นเงินไทยเกือบ 9 ล้านบาท หลังได้เงินไปกว่า 12 ล้านบาท เอาเหยื่อไปปล่อยย่านบางเขน แล้วแยกย้ายหลบหนีลอยนวล ตำรวจ สน.สุทธิสาร ประสาน กก.สส.บก.น.2 และ ตม.เร่งล่าแล้ว เชื่อทั้งหมดยังอยู่ในประเทศ

เหตุแก๊งคนร้ายอุ้มรีดทรัพย์ชาวจีนรายนี้ เปิดเผยขึ้นที่ สน.สุทธิสาร เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 20 ต.ค. นายเอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี และนายบี (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สองผู้เสียหายชาวจีน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ร.ต.อ.เสถียร ทิมทอง รอง สว.(สอบสวน) สน.สุทธิสาร หลังถูกกลุ่มคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ 5 คน พร้อมอาวุธปืนสั้นและปืนยาวครบมือบุกเข้าไปในที่ทำงานย่านถนนรัชดาภิเษก ก่อนปล้นเงินไทย และขู่บังคับให้โอนเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี) มูลค่ากว่า 12 ล้านบาทไป

ผู้เสียหายชาวจีนให้การว่า เหตุเกิดเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 19 ต.ค. มีชายฉกรรจ์ชาวจีน 2 คนและเมียนมา 3 คน พร้อมอาวุธปืนบุกเข้าไปที่ทำงานขู่รีดไถเงินเป็นภาษาจีน ผู้เสียหายยอมให้เงินสดไป 3.2 ล้านบาท แต่กลุ่มคนร้ายยังอุ้มขึ้นรถยนต์มุ่งหน้าไป จ.นครนายก ข่มขู่เอาเงินอีก 6 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ผู้เสียหายไม่มีเงิน ด้วยความหวาด กลัวต้องติดต่อไปหาญาติชาวจีน ร้องขอให้โอนเงินดิจิทัลมาให้คนร้ายอีก 270,000 USDT (1 USDT เท่ากับ 33 บาท) คิดเป็นเงินไทยเกือบ 9 ล้านบาท แล้วถอดซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายทิ้ง ก่อนคืนโทรศัพท์มือถือให้ หลังจากนั้นคนร้ายจึงยอมพาผู้เสียหายมาปล่อยไว้ย่านบางเขนเมื่อวันที่ 20 ต.ค. หลังรับแจ้งพนักงานสอบสวนประสานชุดสืบสวน สน.สุทธิสาร และรายงานผู้บังคับบัญชาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ท้าทายอำนาจรัฐ

ต่อมาเวลา 09.30 น. พ.ต.อ.พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สน.สุทธิสาร เผยว่า ผู้เสียหายทำธุรกิจเป็นนายหน้าจัดหาที่พักให้ชาวจีนที่มาเมืองไทยจดทะเบียนบริษัทถูกต้องตามกฎหมาย วันเกิดเหตุได้รับการติดต่อจากบุคคลหนึ่งที่เคยติดต่อขอแลกเงินดิจิทัลกันมาก่อน ขอแลกเงินดิจิทัลคริปโตเคอร์เรนซีให้เตรียมเงินสดไว้ 3 ล้านบาท หลังจากนั้นไม่นานมีกลุ่มคนร้าย 5 คนพร้อมอาวุธครบมือเข้ามาภายในออฟฟิศ ทำทีเป็นเข้ามาถามหาคนชื่อ “ไมเคิล” ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียหาย จากนั้นเข้าไปรื้อค้นหาเงิน แล้วพากลุ่มผู้เสียหายทั้ง 2 คนที่เป็นชาวจีนแต่พูดไทยได้ไปยัง จ.นครนายก การนำตัวไปแยกผู้เสียหายขึ้นรถไปคนละคัน พร้อมรีดเงินดิจิทัลไปอีก 270,000 USDT จากนั้นนำตัวผู้เสียหายทั้งสองขึ้นรถคันเดียวมาส่งบริเวณย่านบางเขนในวันต่อมา

“ชุดสืบสวน สน.สุทธิสาร ร่วมกับ กก.สส.บก.2 และ ตม.ตรวจสอบทะเบียนรถของผู้ก่อเหตุพบว่า ใช้ทะเบียนปลอม และสอบสวนผู้เสียหายเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 03.00 น. วันนี้ ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า มีผู้ก่อเหตุเป็นชาวพม่าร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากการสื่อสารพบว่าเป็นคนจีน ส่วนบุคคลที่ชื่อ “ไมเคิล” ขณะนี้ประสานกับ ตม.เพื่อตรวจสอบว่าเป็นบุคคลที่เข้ามาในราชอาณาจักรถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่ยืนยันว่ามีตัวตน” ผกก.สน.สุทธิสารกล่าว

พ.ต.อ.พรเทพกล่าวด้วยว่า เช้าวันนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกับทาง ตม.เพื่อไล่เรียงพฤติกรรมการก่อเหตุทั้งหมด ยืนยันว่าผู้เสียหายเข้าเมืองไทยมาถูกต้องและทำธุรกิจถูกกฎหมาย จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้เสียหายสงสัยว่าน่าจะเชื่อมโยงกับตัวอดีตภรรยาที่เลิกรากันไปโดยมีลูกด้วยกัน ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยรายนี้ยังอยู่ในเมืองไทย แต่เบื้องต้นยังเป็นแค่ข้อสันนิษฐาน ส่วนการติดตามตัวคนร้ายขณะนี้เจ้าหน้าที่ไล่ตรวจสอบเส้นทางการก่อเหตุ เชื่อว่าขณะนี้ผู้ต้องหายังคงอยู่ในประเทศไทย แต่การติดตามตัวยากลำบาก เนื่องจากผู้ต้องหาแยกรถออกไปคนละคันขณะหลบหนี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงให้การดูแลผู้เสียหายทั้ง 2 คน เนื่องจากทั้งคู่ยังอยู่ในความหวาดกลัวอันตราย

ต่อมาเวลา 15.10 น. พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ รอง ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สน.สุทธิสาร เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เดินทางมายังอาคารพาณิชย์ภายในซอยรัชดาภิเษก 24 สถานที่เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์อุ้มรีดไถชาวจีน เพื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ โดยมีผู้เสียหายชาวจีนและล่ามแปลภาษาคอยให้การร่วมตรวจค้นในครั้งนี้ด้วย โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในอาคารด้วย เพื่อป้องกันการทำลายพยานหลักฐาน

หลังจากตรวจค้นประมาณ 1 ชม. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้เสียหายขึ้นรถตำรวจเดินทางไปสอบปากคำต่อที่ สน.สุทธิสาร ระหว่างทางผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายระบุสั้นๆเพียงว่า ตนไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของใคร ไม่เคยรู้จักกลุ่มผู้ก่อเหตุ ไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของภรรยาเก่าหรือไม่ ยอมรับว่าที่ยอมจ่ายเงินให้กลุ่มผู้ก่อเหตุ เพราะความกลัวเนื่องจากถูกขู่ฆ่าเลยยอมจ่ายไป 2 ครั้ง

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,618 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *