ในการทดสอบการป้องกันดาวเคราะห์พุ่งชนโลก เมื่อปี พ.ศ.2565 โดยภารกิจดาร์ท (Double Asteroid Redirection Test-DART) ขององค์การนาซา สหรัฐอเมริกา เป็นการทดสอบกับดาวเคราะห์น้อยใกล้โลกคู่หนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยดาวเคราะห์น้อยชื่อดีดิมอส (Didymos) และบริวารของมันคือดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส (Dimorphos) ยานดาร์ทมีเป้าหมายพุ่งชนไดมอร์ฟอสเพื่อเบี่ยงวงโคจรของมัน แต่ดาวเคราะห์น้อยคู่นี้ไม่ได้เป็นอันตรายต่อโลก หากแต่เป็นเพียงสนามทดสอบเท่านั้น
หลังจากปฏิบัติการดาร์ท ดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสมีการเบี่ยงวงโคจร ซึ่งก็มีข้อมูลวิจัยออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด มีการเผยภาพดีดิมอสที่ยานอวกาศถ่ายได้ด้วยความละเอียดสูง เป็นการจับภาพได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่ยานดาร์ทจะพุ่งชนไดมอร์ฟอส ซึ่งการวิเคราะห์หลุมอุกกาบาตและความเข้มข้นของพื้นผิวบนดีดิมอส บ่งชี้ว่าดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ก่อตัวขึ้นเมื่อราว 12.5 ล้านปีก่อน การวิเคราะห์ที่คล้ายกันบ่งชี้ว่าไดมอร์ฟอส ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 300,000 ปีที่แล้ว เป็นไปได้ว่าดีดิมอสอาจก่อตัวขึ้นในแถบดาวเคราะห์น้อยหลักของระบบสุริยะของเรา นั่นคือบริเวณระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี จากนั้นก็ถูกผลักเข้าไปในระบบสุริยะชั้นใน
นักดาราศาสตร์จากสถาบันฟิสิกส์ดาราศาสตร์ แห่งชาติ (INAF) ในอิตาลี เผยว่า การตรวจสอบก้อนหินขนาดใหญ่ที่สุดบนดีดิมอสและไดมอร์ฟอส ก็ได้เบาะแสเกี่ยวกับต้นกำเนิดของดาวเคราะห์น้อยทั้ง 2 ดวง โดยระบุว่าทั้งคู่เป็นกลุ่มของเศษหินที่ก่อตัวขึ้นจากการทำลายล้างอันรุนแรงของดาวเคราะห์น้อยแม่ ทั้งนี้ ดีดิมอสถูกระบุว่ามีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 780 เมตร ส่วนไดมอร์ฟอสกว้าง 170 เมตร และพวกมันคือกองเศษหินที่ซึ่งประกอบด้วยเศษหินที่จับตัวกันเนื่องจากแรงโน้มถ่วง.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
