ผกก.ร้อยเอ็ด โต้คลิปฉาว ปัดเอี่ยวถือหุ้นผับเปิดเกินเวลา ชั้นผู้น้อยไปตรวจโดนด่ากราด

ผกก.ร้อยเอ็ด โต้คลิปฉาว ปัดเอี่ยวถือหุ้นผับเปิดเกินเวลา ชั้นผู้น้อยไปตรวจโดนด่ากราด

ว่อนโซเชียล ผู้จัดการร้านโวยวายด่ากราดใส่ตำรวจชั้นผู้น้อย แฉมีนายตำรวจ ระดับ ผกก. เป็นหุ้นส่วน ล่าสุด พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด โต้คลิปฉาว ยืนยันมือสะอาด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมสั่งดำเนินคดีถึงที่สุด ผจก.ที่ด่าหยาบดูหมิ่นใส่ลูกน้องขณะปฏิบัติหน้าที่

กรณีที่ปรากฏข้อความทางโซเชียล ระบุว่า “สภ.เมืองร้อยเอ็ด ร้อยเวร 20 ไปปิดร้านไคลแม๊กซ์ มีนายตำรวจระดับ ผกก. เป็นหุ้นส่วน ผจก.ร้านด่ากราดตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะถือว่ามีนายตำรวจระดับ ผกก. เป็นหุ้นส่วน รายงาน ผกก.สภ.เมืองทราบแล้ว แต่ไม่สนใจ น่าสงสารตำรวจชั้นผู้น้อยจริงๆ ครับ ฝากผู้บังคับบัญชาลงมาปกป้องลูกน้องด้วยครับ” พร้อมภาพขณะเข้าปฏิบัติหน้าที่ ประกาศสั่งให้สถานบริการ เชิญให้แขกออกจากร้าน เนื่องจากเกินเวลาปิดแล้ว สร้างความไม่พอใจให้กับผู้จัดการร้าน ตะโกนด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกล่าวหาว่าเลือกปฏิบัติ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากนั้นมีการเขียนข้อความ พาดพิงว่า การที่สถานบริการดังกล่าวเหิมเกริม ด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเห็นแล้วสงสารตำรวจชั้นผู้น้อย ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบาย กลับถูกผู้จัดการร้าน เหิมเกริมด่าตำรวจที่ไปปฎิบัติหน้าที่ แบบไม่เกรงกลัว และพาดพิงว่า เหตุที่เหิมเกริมเช่นนั้น เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรจ ระดับ ผกก. เป็นหุ้นส่วน จึงไม่เกรงกลัวกฎหมาย นั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด เพื่อหาคำตอบและความชัดเจน

ซึ่งทางด้าน พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด กล่าวยืนยันว่า ตนเอง มาเป็น ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด 1 ปี ยืนยันว่า ไม่ได้มีเอี่ยวสถานบริการตามที่พาดพิง และสรุปว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นการปฏิบัติหน้าที่ ที่ออกตรวจทุกวันอย่างต่อเนื่อง ในสถานบริการในเมืองร้อยเอ็ดที่ปัจจุบันมีอยู่ 2 แห่ง คือโรงเบียร์ และ Climax 101

และเรื่องในคืนเกิดเหตุเป็นคืนวันที่ 26 มิ.ย. คาบเกี่ยวถึงวันที่ 27 มิ.ย. ตอนตี 2 ซึ่งก็เข้าไปตรวจสอบตามปกติ ไม่ให้เปิดเกินเวลา แต่เมื่อเข้าไปในร้านพบว่า หลังตี 2 ไปแล้ว ก็ยังมีการปล่อยให้แขกนั่งดื่มกินจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงใช้เครื่องขยายประกาศ ให้เชิญทุกคนออกจากร้าน เพราะเลยเวลากำหนดแล้ว ทำให้ผู้จัดการร้านไม่พอใจ โวยวาย ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ แล้วพูดจาด่าเขาให้เสียหาย แล้วกล่าวหาว่าตำรวจเลือกปฏิบัติ ไม่ไปตรวจโรงเบียร์ด้วย จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ จนเกิดเหตุดังกล่าว นำไปสู่การโพสต์ข้อความ ว่ามีผู้กำกับเข้าไปเกี่ยวข้อง ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วน ในร้านดังกล่าว

ซึ่งผู้กำกับยืนยันว่า ทุกอย่างตำรวจทำหน้าที่บังคับใช้ ตามระเบียบกฎหมาย ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ร้าน 1 ร้านใด และในคืนเกิดเหตุ ก็มีการแบ่งกำลังออกเป็น 2 สาย เข้าไปตรวจพร้อมๆ กันทั้ง 2 ร้าน เพื่อให้ปิดตามเวลาที่กำหนด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเข้มข้นยิ่งขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านั้น เมื่อประมาณวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา ร้านทั้ง 2 แห่งก็โดนกองปราบฯ ร่วมกับปกครอง และท้องที่ มาจับแล้วรอบนึง เนื่องจาก ปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ และหลังจากการจับกุมครั้งนั้น จังหวัดจึงมีมาตรการร่วมกับปกครอง ออกตรวจเข้มขึ้นทุกคืน เพื่อเป็นการควบคุมไม่ให้มีการปล่อยให้เด็กเข้าไปใช้บริการ รวมทั้งให้เปิด และปิดตามเวลา ด้วยความเข้มงวดต่อเนื่องมาทุกวัน จนถึงคืนเกิดเหตุ ก็เข้าตรวจตามปกติ และพบพฤติกรรมไม่เหมาะสม ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่ไปตักเตือนแล้วกลับโดนด่า

ล่าสุดทางด้าน ร.ต.อ.พุฒิพงศ์ โพธิ์ชัย ร้อยเวรสายตรวจ ที่ทำหน้าที่ ก็ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี กับผู้จัดการร้าน Climax ซึ่งใช้วาจาไม่เหมาะสม มาดำเนินคดี โดยถอดจากคลิปและคำพูด รวมทั้ง ข้อความที่โพสต์ทางโซเชียล เพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ส่วนกรณีพาดพิงว่ามีผู้กำกับเข้าไปเกี่ยวข้อง ถือหุ้น ในสถานบริการแห่งดังกล่าวนั้น ตนเองยืนยันว่าตลอดเวลา 1 ปี ตนยืนยันว่าตลอดเวลา 1 ปี ที่อยู่ที่นี่ไม่เคยข้องเกี่ยว หรือไปไม่เกี่ยวกับสถานบริการใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้เนื่องจากมีระเบียบของกรมตำรวจห้ามให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานบริการ ซึ่งทำไม่ได้ และก็ไม่ให้ หรือข้องแวะ ทำในสิ่งผิดกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งในกรณีนี้นอกจากจะยืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ก็จะให้มีการสอบสวน ข้อเท็จจริงว่า มีผู้กำกับหรือรองผู้กำกับใน สภ.เมือง ที่ตนดูแลอยู่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ถ้ามีก็จะดำเนินการ เอาผิดทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้องทุกคนโดยเด็ดขาด

แต่ถ้าหาก ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นหุ้นส่วนกับสถานบริการดังกล่าว เป็นผู้กำกับหรือรองผู้กำกับ นอกพื้นที่ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งตนไม่มีอำนาจในการดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย หรือตามระเบียบได้นั้น ก็จะสรุปเสนอไปยัง ผู้บังคับการ หรือผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นไป เพื่อสอบสวนลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่เข้าไปมีหุ้นส่วน เพื่อดำเนินการตามระเบียบและเอาผิดทางวินัยและตามกฎหมายต่อไป.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,495 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *