นายกรัฐมนตรี เผย ยังไม่ได้คุย “สุทิน” ปมแก้ร่าง พ.ร.บ.กลาโหม สกัดรัฐประหาร ชี้ อะไรไม่ได้ไปสกัดกั้นการส่งเสริมประชาธิปไตย พร้อมหนุนเต็มที่ เชื่อ กองทัพฟังเสียงประชาชน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามกรณีการเสนอแก้ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงราชการกระทรวงกลาโหม ในเรื่องสกัดกั้นการรัฐประหาร ได้พูดคุยกับ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ ว่า ไม่ได้มีการพูดคุยเลย ก่อนหน้านี้ตนลงพื้นที่ไป จ.มหาสารคาม และ จ.ร้อยเอ็ด แต่บังเอิญ นายสุทิน ติดภารกิจที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งตนอยากสอบถามดูเหมือนกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่เท่าที่ลงพื้นที่ไป จ.มหาสารคาม และ จ.ร้อยเอ็ด เป็นการเน้นในเรื่องของปัญหาที่มีมานาน คือ การบริหารจัดการเรื่องน้ำ ภัยแล้ง และพื้นที่ทำกินของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนได้สั่งการข้อแรกไป โดยให้หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และกระทรวงกลาโหม ดูแลในเรื่องดังกล่าว แต่หากมีการเจอกับ นายสุทิน คงได้มีการพูดคุยกันในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ยืนยันว่ายังไม่เห็นร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงราชการกระทรวงกลาโหม และยังไม่ได้พูดคุยกับ นายสุทิน
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า จุดยืนของนายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะสนับสนุนการแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อสกัดกั้นการรัฐประหารใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า “อะไรที่ไม่ใช่เป็นการกระทำที่ไปสกัดกั้นการส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ผมสนับสนุนเต็มที่ครับ” แต่ตนยังไม่ทราบในรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าวจาก นายสุทิน ที่มีข่าวว่าจะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อสกัดกั้นเรื่องดังกล่าว และเมื่อมีการเสนอเข้ามาจะขอดูรายละเอียดก่อน
ส่วนคำถามว่า การเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้จะไม่ไปเป็นการกระตุกต่อมกองทัพใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ทราบเลย เพราะตนยังไม่เห็นรายละเอียด แต่ส่วนตัวมีความเชื่อว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับกองทัพ และเชื่อว่ากองทัพเองมีความตั้งใจที่ดีในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เมื่อถามย้ำว่า เท่าที่มีการสัมผัสกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ เป็นทหารที่มีแนวคิดรุ่นใหม่ เปิดกว้างที่จะยอมรับกับการร่างกฎหมายสกัดกั้นการรัฐประหารใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ตนไม่แน่ใจว่ารุ่นใหม่รุ่นเก่าคืออะไร แต่เชื่อว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 4 เหล่า และปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีการพูดคุยกันตลอดมา เชื่อว่าทุกท่านฟังเสียงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก.
