เปิดภาพสุสานหลักของ “ขุนนางแห่งไห่ฮุน” ผู้ครองบัลลังก์ฮ่องเต้ไม่ถึงเดือน

เปิดภาพสุสานหลักของ “ขุนนางแห่งไห่ฮุน” ผู้ครองบัลลังก์ฮ่องเต้ไม่ถึงเดือน

จีนเปิดให้เข้าชมสุสานหลักของ “ขุนนางแห่งไห่ฮุน” ผู้ครองบัลลังก์ฮ่องเต้ไม่ถึงเดือน สุสานราชวงศ์เพียงไม่กี่แห่งที่ไม่ถูกขุดปล้น

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. มณฑลเจียงซีทางตะวันออกของจีน เปิดให้สาธารณชนเข้าชมสุสานหลักของขุนนางแห่งไห่ฮุน ซึ่งมาจากการขุดสำรวจอันเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางโบราณคดีที่มีนัยสำคัญมากที่สุดของจีนในช่วงหลายปีมานี้ ผ่านทางเดินที่ก่อสร้างใหม่อยู่ข้างบน

สุสานขุนนางแห่งไห่ฮุน หรือหลิวเฮ่อ จากยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (202 ปีก่อนคริสต์ศักราช-ปี 25) ตั้งอยู่ที่นครหนานชาง เมืองเอกของเจียงซี ถือเป็นหนึ่งในสุสานราชวงศ์เพียงไม่กี่แห่งที่ไม่ถูกขุดปล้นสิ่งของมีค่า โดยสุสานหลักลึกราว 8 เมตร กว้าง 16 เมตร และยาว 17 เมตร ซึ่งเชื่อมถึงกันด้วยทางเดินยาว

ฟ่านหลี่จวิน รองภัณฑารักษ์ประจำพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุแคว้นไห่ฮุนโหวแห่งราชวงศ์ฮั่นในนครหนานชาง เผยว่าด้านในโถงสุสานหลักแบ่งเป็นห้องนอนอยู่ฝั่งตะวันออกและห้องนั่งเล่นอยู่ฝั่งตะวันตก จำลองสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิตของหลิวตอนมีชีวิต เนื่องด้วยการฝังศพยุคนั้นจะทำเหมือนว่าผู้ล่วงลับยังมีชีวิต

ผู้เข้าชมสามารถมองดูแผนผังของสุสานหลักและโบราณวัตถุที่ขุดพบบางส่วน ซึ่งรวมถึงโลงศพของหลิว และกระจกเงาสำหรับแต่งตัวที่วาดลวดลายขงจื่อ ขณะเดียวกันมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสามมิติแบบตาเปล่า เพื่อแสดงส่วนต่างๆ ของสุสานและชุดโบราณวัตถุอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

อนึ่ง การขุดสำรวจสุสานขุนนางแห่งไห่ฮุนเริ่มต้นปี 2011 นำสู่การขุดพบโบราณวัตถุมากกว่า 10,000 ชิ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเครื่องทองเกือบ 480 ชิ้น และรากโกฐขี้แมวที่ผ่านกรรมวิธีบางอย่าง ซึ่งได้รับการยืนยันให้เป็นตัวอย่างยาสมุนไพรแปรรูปอันเก่าแก่มากที่สุดในจีน

ร่างของหลิวถูกค้นพบในโลงศพภายในโถงสุสานหลัก และถูกเคลื่อนย้ายออกมาเพื่อการวิจัยเพิ่มเติมในเดือนมกราคม 2016 โดยขุนนางหลิวเป็นหลานชายของจักรพรรดิอู๋ หนึ่งในผู้ครองราชย์แห่งยุคสมัยที่ถือว่ามีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีน

หลิวได้รับตำแหน่ง “ไห่ฮุนโหว” หลังถูกปลดจากการเป็นจักรพรรดิหลังครองบัลลังก์ได้เพียง 27 วัน ซึ่งหลิวถูกปลดจากบัลลังก์โดยเครือราชวงศ์ที่มองว่าเขาไม่มีความรู้ความสามารถและศีลธรรม โดยไห่ฮุนเป็นชื่อโบราณของอาณาจักรขนาดเล็กมากทางตอนเหนือของมณฑลเจียงซีในยุคปัจจุบัน

ที่มา:sanook

ผู้นำเสนอข่าว

ยัยแม่มด

Written by:

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You May Have Missed