คุมตัว “บอสตาล” ประธานสโมสรฟุตบอลลำพูน วอริเออร์ เค้นปากคำแหล่งที่มาของรายได้ หลังพบมีการเปิดให้เล่นการพนัน จ่อประสาน ปปง. ยึดทรัพย์ หากทรัพย์สินทั้งหมดได้จากการพนัน ตามกฎหมายฟอกเงิน พร้อมสอบโยงถึงสารวัตรซัวหรือไม่
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 66 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี เปิดเผยว่า ได้ร่วมก่อนสอบปากคำ นายพงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก หรือ บอสตาล ประธานสโมสรฟุตบอลลำพูน วอริเออร์ ผู้ต้องหาเป็นเจ้าของเปิดให้เล่นพนันออนไลน์และฟอกเงิน หลังถูกจับกุมตัวได้ในพื้นที่จังหวัดลำพูนเมื่อวานที่ผ่านมา โดยการสอบปากคำวันนี้จะสอบเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ตั้งแต่การเริ่มดำเนินการธุรกิจนี้และอาชีพที่มาที่ไปการทำธุรกิจ และแหล่งที่มาของรายได้ว่ามีรายได้ถูกกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้นพบว่ามีการเปิดให้เล่นพนันมาเป็นระยะเวลานานโดยตำรวจ ปอท.เริ่มสืบสวนมาตั้งแต่ปี 2560 จากนั้นปี 2563-2564 ทาง ปอท.ได้ส่งรายงานการสืบสวนมายังตำรวจ PCT และได้รับเรื่องมาดำเนินการต่อจนกระทั่งสามารถดำเนินการจับกุมได้ โดยต้องดูว่าผู้ต้องหาจะรับสารภาพหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าตำรวจมีพยานหลักฐานเพียงพอจนขออนุมัติศาลออกหมายจับบอสตาลกับพวก 3 ราย โดยจับกุมบอสตาลได้ที่จังหวัดพะเยา และลูกสมุนอีกรายที่เชียงใหม่ ส่วนอีก 1 ราย อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวยังไม่แน่ชัดว่าหลบหนีไปต่างประเทศหรือไม่
โดยจากนี้ประสานและแจ้งไปยัง ปปง.เพื่ออายัดทรัพย์สินทั้งหมดที่ได้มาจากการทำเว็บพนันออนไลน์ตามกฎหมายฟอกเงิน รวมถึงธุรกิจสโมสรฟุตบอลหากพบว่าเกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากการพนันไปซื้อก็จะต้องดำเนินการอายัดทั้งหมด แต่กิจการของสโมสรก็ยังดำเนินการต่อไปได้รวมถึงการแข่งขันไม่มีผลกระทบ
ส่วนที่ต้องควบคุมตัวมาสอบที่ สน.มักกะสัน เนื่องจากเป็นพื้นที่แรกที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทำการสืบสวนหาข้อมูลทางเทคนิคและดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ในท้องที่ สน.มักกะสัน ซึ่งในเรื่องการพนันออนไลน์ปัจจุปัน พ.ร.ก.การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสามารถดำเนินการได้ทุกท้องที่
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ในส่วนของการเชื่อมโยงเครือข่ายของบอสตาล อยู่ระหว่างการสืบสวน เนื่องจากเว็บพนันออนไลน์มีการใช้ชื่อหลายชื่อหรือมีหน้ากากแต่ช่องทางการเข้าถึงมีไม่กี่ช่องทางที่เข้าถึงได้ ส่วนตัวเว็บพนันพบว่ายังเข้าได้อยู่ เนื่องจากอาจจะมีการเปลี่ยนชื่อ
สำหรับน้องชายของบอสตาลจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อไป โดยทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งให้ดำเนินการเด็ดขาดหากพยานหลักฐานถึงก็จะต้องดำเนินคดีทุกราย
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
