อดีตผู้สมัคร สส ก้าวไกล ยื่นหนังสือขอให้มีคำสั่งมอบหมายหน้าที่สืบสวนคดี

อดีตผู้สมัคร สส ก้าวไกล ยื่นหนังสือขอให้มีคำสั่งมอบหมายหน้าที่สืบสวนคดี

มุกดาหาร – อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล เข้ายื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ขอให้มีคำสั่งมอบหมายหน้าที่สืบสวนคดี

14 06 2566 ที่บริเวณหน้ากองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหาร จำนวน 50 คน เข้ายื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร ขอให้มีคำสั่งมอบหมายหน้าที่สืบสวนคดี ตามที่รายการข่าว 3 มิติ ได้เสนอข่าวเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2566 กรณีรายงานการประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น ITV หรือบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน )

นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่ามีการร่วมกระทำเป็นขบวนการ โดยแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน มีการสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ปลอมแปลงเอกสาร และหรือใช้เอกสารปลอมอันเป็นการกระทำความผิดอาญาหลายบท หลายมาตรา ต่างกรรมต่างวาระในลักษณะเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร อันเป็นการกระทำที่เป็นการบ่อนทำลายประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง เป็นคดีที่ประชาชนทั้งประเทศให้ความสนใจ

นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ เปิดเผยอีกว่า พี่น้องชาวชาวจังหวัดมุกดาหาร ผู้รักประชาธิปไตย เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีที่มีความสำคัญ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องมีหน้าที่ในการดำเนินการสืบสวนให้เกิดความกระจ่าง และดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำความผิดต่อไป เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และรักษาความสงบสุขของสังคมต่อไป จึงขอให้ท่านได้โปรดแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชา การสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้มีอำนาจสืบสวนการกระทำความผิด ตามที่กล่าวมาทั้ง หมดนี้ และดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดต่อไป

การเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 143 วรรค 4 บอกว่า ถ้าการกระทำแบนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิด ในเรื่องของความมั่นคงด้วย ความผิดทางอาญาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สามารถเข้ามาทำการทันที เพราะว่าเป็นอาญาแผ่นดิน ไม่ต้องรอให้ใครมาแจ้งความดำเนินคดีก็สามารถเอาผิดได้ เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง ส่วนเรื่อง กกต. จริง ๆ แล้วควรยุติเรื่องได้เลย มาตรา 151 กกต.บอกว่า ความปรากฏแก่ กกต. มันเป็นเรื่องที่เคยมีบรรทัด ฐานศาลฎีกาไว้แล้ว ตัวนี้ศาลฎีกามองเรื่องเจตนาของการถือหุ้น ศาลฎีกาต้องบอกว่าการถือหุ้นเพียงเล็กน้อย ไปบังคับควบคุมหรือสั่งการบริษัทได้ มันไม่ถือว่าเป็นความผิด และกรณีเช่นเดียวกันนี้ เคยมีอัยการสูงสุดก็สั่งกรณีไม่ฟ้องมาแล้วของคุณ ธนาธรฯ จริง ๆ แล้วเป็นของ กกต. ที่ควรจะยกคำร้องไป หรือยุติเรื่องไปได้แล้ว ไม่ต้องไปทำต่อ คนไทยจะได้มีนายกคนใหม่ มันถึงเวลาแล้วเดือนกว่ายังไม่ได้นายก

ในส่วนของคลิปเสียงในการประชุม กับรายงานการประชุมมีความแตกต่างกันมาก แตกต่างกันแบบสิ้นเชิง ซึ่งถ้ามองแล้วส่วนหนึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชน จำกัด และส่วนนี้เอามาเป็นหลักฐาน ในการที่จะสกัดกั้นไม่ให้คุณ พิธาฯ ไม่ให้เป็นนายกคนที่ 30 ซึ่งถ้ามองจริง ๆ มันเข้าข่ายผิด ถ้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าไปสืบสวนเบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ ซึ่งมีการทำเป็นขบวนการ เป็นขั้นตอนคิดว่าคนเหล่านี้ทำด้วยตนเองไม่ได้ ต้องมีกลุ่มคนที่มากกว่า

ที่มา:ข่าวความมั่นคงออนไลน์

ผู้นำเสนอข่าว

ยัยแม่มด

Written by:

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *