นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวในเวทีเสวนาทางนโยบายหัวข้อ “ทิศทาง พม.ท่ามกลางกระแสนโยบายด้านการคุ้มครองทางสังคม” ว่า พม.ให้ความสำคัญต่อการยกระดับระบบการคุ้มครองทางสังคมของประเทศไทยเพื่อเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เป็นการรองรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆในยุค VUCA World ที่สังคมมีความซับซ้อนและไม่แน่นอน รวมถึงปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ข้อมูลของธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ ADB พบว่าค่าใช้จ่ายของประเทศไทยด้านการคุ้มครองทางสังคมเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) อยู่ที่ 5.1% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 7.5% ของประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก และ 24% สำหรับประเทศที่มีรายได้สูง นอกจากนี้ แผนงาน/โครงการด้านการคุ้มครองทางสังคมในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นแบบพุ่งเป้าจึงทำให้เกิดปัญหาทั้งเรื่องของการตกหล่น “คนที่จนจริง แต่ไม่ได้การคุ้มครอง” และการรั่วไหล “คนที่จนไม่จริง แต่ได้รับสวัสดิการ” ดังนั้นการยกระดับการคุ้มครองทางสังคมให้ทัดเทียมกับระดับนานาชาติ จึงจำเป็นต้องอาศัยการสนับสนุนและการผลักดันจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาคการเมือง ภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม
ปลัด พม.กล่าวว่า ทั้งนี้ เวทีการเสวนามีการหารือและให้ข้อคิดเห็นประเด็นเชิงนโยบายครอบคลุม 3 ด้าน คือ 1.ข้อเสนอนโยบายด้านเด็ก ได้แก่ การดูแลแม่และเด็กตั้งแต่ 270 วันแรกของชีวิต 2.ข้อเสนอนโยบายด้านวัยแรงงาน ได้แก่ การเพิ่มเบี้ยความพิการ และ 3.ข้อเสนอนโยบายด้านผู้สูงอายุ ได้แก่ ระบบบำนาญถ้วนหน้า พม.จะนำไปประมวล วิเคราะห์ ปรับปรุง ประกอบการพิจารณาประกาศเป็นนโยบายของ พม.เพื่อยกระดับการคุ้มครองทางสังคมให้เป็นผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/