พ.ร.ก.ซิมผี-บัญชีม้ามีผลบังคับใช้แล้ว ไล่บี้เปิดบัญชีม้า-ซิมผีมีความผิด ธนาคารระงับการโอนเงินกรณีถูกหลอกลวงได้ทันที เตือน 30,000 บัญชีม้าติดแบล็กลิสต์ตำรวจ รีบปิดบัญชีก่อนถูกดำเนินคดีผิดทันที เชื่อช่วยตัดขั้นตอนมิจฉาชีพโอนเงินผ่านบัญชีม้าเป็นทอดๆ ก่อนโอนเงินออกนอกประเทศได้ทันท่วงทีขึ้น
นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (กฎหมายซิมผี-บัญชีม้า) ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.2566 โดย พ.ร.ก.ฉบับนี้จะช่วยคุ้มครองประชาชนที่ถูกหลอกลวงผ่านโทรศัพท์หรือวิธีการทางอิเล็ก ทรอนิกส์ ซึ่งแต่ละวันมีผู้ถูกหลอกลวงจำนวนมาก มีมูลค่าความเสียหายสูง
“เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ดีอีเอสได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และผู้ให้บริการมือถือ เข้าหารือเตรียมความพร้อมสำหรับให้ผู้เดือดร้อนแจ้งเรื่อง”
ทั้งนี้ หลักใหญ่ของกฎหมายฉบับนี้ ได้แก่ 1. การเปิดบัญชีม้า หรือการโฆษณาชักชวนให้เปิด บัญชีม้าจะมีความผิดอาญาในตัวเองทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้มีการกระทำความผิด หากถูกตรวจสอบพบจะถูกดำเนินคดีทันที
2.ธนาคารสามารถระงับการโอนเงิน ที่ได้รับการแจ้งจากเจ้าของบัญชีว่าเป็นธุรกรรมที่ถูกหลอกลวง โดยจะเป็นการระงับโอนได้ทันที ก่อนการเข้าแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจ โดยอำนาจยับยั้งอยู่ที่ 72 ชั่วโมง หลังจากนั้นหากพบเป็นกรณีแจ้งเท็จ ผู้แจ้งจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนหากถูกหลอกลวงจริง การระงับการโอนเงินได้ทันท่วงทีจะช่วยลดความเสียหาย โดยเฉพาะในกรณีที่การโอนเงินยังอยู่ในบัญชีในประเทศ เหยื่อมีโอกาสได้เงินคืนสูง
3.กรณีซิมผี ประชาชนที่รู้หรือควรรู้ ว่าตนเองถูกนำชื่อไปใช้ในการเปิดเบอร์โทรศัพท์มือถือเพื่อใช้ในการหลอกลวง มีความผิดภายใต้กฎหมายฉบับนี้ด้วย
“หลัง พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมออนไลน์ประกาศใช้แล้ว ผู้เสียหายสามารถแจ้งธนาคารระงับการโอนเงินได้ทันที คาดว่าปัญหาจะลดลงอย่างแน่นอน สำหรับบทลงโทษสูงสุดของผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กล่าวว่า พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 กำหนดให้ผู้เสียหายสามารถแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ทั่วประเทศ ไม่จำเป็นต้องไปที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ หรือแจ้งความผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเตรียมความพร้อมในส่วนพนักงานสอบสวนและระบบการรับแจ้งความออนไลน์ไว้รองรับ รวมทั้งจะกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดฐานเปิดบัญชีม้าและซิมม้า รวมถึงผู้เป็นธุระจัดหาหรือโฆษณาบัญชีม้าและซิมม้ามาดำเนินคดีต่อไป “ปัจจุบันตำรวจมีชุดข้อมูลบัญชีธนาคารต้องสงสัยว่าเป็นบัญชีม้าจำนวน 30,000 บัญชีแล้ว ขอเตือนให้เจ้าของบัญชีเหล่านี้ปิดบัญชีเสีย ก่อนที่จะถูกดำเนินคดีในที่สุด เพราะปัจจุบันไม่ต้องรอให้เกิดความเสียหายก็ดำเนินคดีได้ทันที”
พล.ต.ท.วรวัฒน์กล่าวอีกว่า ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มีการแจ้งความคดีหลอกลวงออนไลน์กว่า 210,000 คดี มูลค่าความเสียหาย 31,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการซื้อสินค้าออนไลน์แล้วไม่ได้รับสินค้าหรือสินค้าไม่ตรงปก
ด้านนางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. กล่าวว่า เมื่อกฎหมายฉบับนี้ผนวกกับชุดมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงินของ ธปท. ที่จะยกระดับการป้องกัน ตรวจจับ ตอบสนองและรับมือต่อภัยการเงินในภาคการธนาคารให้เป็นมาตรฐานเดียวกันแล้ว จะช่วยให้การแก้ปัญหาทำได้ครบวงจรยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ธปท.จะติดตามและเร่งให้สถาบันการเงินดำเนินการตามกฎหมายและ มาตรการของ ธปท. ให้แล้วเสร็จตามกำหนด
พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวว่า กลไกหลักสำคัญในการจัดการกับบัญชีม้า คือการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทาง การเงินระหว่างสถาบันการเงิน รวมถึงผู้ประกอบการมือถือ ในกรณีสงสัยว่าอาจมีการกระทำความผิด ทั้งสถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจ ต้องเปิดเผยข้อมูลหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าที่น่าสงสัย รวมทั้งสามารถระงับบัญชีต้องสงสัยได้เป็นการชั่วคราว ไม่ต้องรอเกิดเหตุ สำหรับผู้เสียหาย สามารถโทร.แจ้งให้ธนาคารระงับบัญชีต้องสงสัยได้ทันที และยับยั้งการโอนเงินทุกธนาคารที่รับโอนเงินต่อ.
