คดีโกงสหกรณ์ตำรวจพัทลุงใกล้จบ จับเพิ่ม 4 คน ยึดทรัพย์อีก 62 ล้าน

คดีโกงสหกรณ์ตำรวจพัทลุงใกล้จบ จับเพิ่ม 4 คน ยึดทรัพย์อีก 62 ล้าน

บิ๊กโจ๊ก นำทีมเปิดปฏิบัติการเข้าค้น 24 จุดใน 7 จังหวัด จับผู้ต้องหา 19 ราย ยึดทรัพย์เพิ่ม คดีฟอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุงอีกกว่า 62 ล้านบาท

จากกรณีกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ตำแหน่งขณะนั้น) ให้ช่วยติดตามคดีการทุจริตภายในสหกรณ์ฯ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวที่เป็นสมาชิกได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และคดีนี้ยังมีความสลับซับซ้อน แม้มีเจ้าหน้าที่หลายคนถูกพบว่ากระทำผิด แต่ยังสามารถทำงานในสหกรณ์ได้ ซึ่งอาจทำให้พยานหลักฐานต่างๆ สูญหายหรือถูกแก้ไขไปอีก ความเสียหายโดยรวมมีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท จึงได้มีการตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินการทางคดีดังกล่าว ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ย.65 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้สรุปสำนวนเสนอพนักงานอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาจำนวน 27 ราย และมีการเข้าตรวจค้นยึดอายัดทรัพย์สินรวมกว่า 900 ล้านบาท

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมในความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน เนื่องจากความเสียหายในคดีดังกล่าวค่อนข้างสูง และเชื่อว่ายังมีทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาดำเนินการยักย้ายถ่ายเทเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจพบโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการสืบสวนเพิ่มเติม สามารถรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในความผิดฐานฟอกเงินอีก 19 ราย แบ่งเป็นผู้ต้องหากลุ่มเดิม 15 คน และได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่กลุ่มผู้ต้องหาในคดีมีการโอนทรัพย์สินไปยังคนใกล้ชิดและเครือญาติเพิ่มเติมอีก 4 ราย ได้แก่ นางปณัณรัตน์ กาจนเพ็ญ อายุ 47 ปี นางภาวนา สุวรรณเดชา อายุ 61 ปี น.ส.ภารดี สุวรรณเดชา อายุ 50 ปี นางภัทรนลิน พลายดำ อายุ 58 ปี

ล่าสุด วันที่ 17 มี.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตำรวจภูธรภาค 9 ตำรวจถูธรจังหวดัพัทลุง เปิดปฏิบัติการเข้าค้นเพื่อตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ และยึดอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม โดยได้ขออนุมัติหมายจับเพื่อเข้าค้นเป้าหมายทั้งหมด 24 จุดในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง และกรุงเทพมหานคร สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้ง 4 ราย และตรวจยึดทรัพย์สินเพิ่มเติมได้อีก มูลค่าประมาณ 62,580,000 บาท

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวได้ดำเนินการส่งสำนวนเสนออัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาไปเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากเป็นคดีที่ความเสียหายมีมูลค่าสูงมาก แม้ทรัพย์สินที่สามารถตรวจยึดคืนได้จากกลุ่มผู้ต้องหาจะมีมากถึง 900 ล้านบาทแล้วก็ตาม แต่ยังเชื่อว่าจะสามารถติดตามทรัพย์สินเพื่อนำมาคืนให้ผู้เสียหายได้เพิ่มเติม ยังมีผู้กระทำผิดที่มีส่วนช่วยเหลือผู้ต้องหาในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินเพื่อเป็นการฟอกเงินดังกล่าว จึงได้สั่งการให้คณะพนักงานสืบสวนดำเนินการขยายผลเพิ่มเติม จนได้เปิดปฏิบัติการเข้าค้นในวันนี้ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาในความผิดฐานฟอกเงินได้เพิ่มเติมอีก 4 ราย ยึดอายัดทรัพย์ได้อีกกว่า 62 ล้านบาท จากนี้ หากยังพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับผู้กระทำผิดเพิ่มเติม ก็จะขยายผลจับกุมและอายัดทรัพย์สินเพิ่มอีกอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ล่าสุดมีผลสรุปการปฏิบัติ และการตรวจยึด อายัด จำนวนทั้งสิ้น 123 จุด ในพื้นที่ 11 จังหวัด ประกอบด้วย

  1. บัญชีธนาคาร 37 บัญชี เป็นเงิน 4,369,867 บาท
  2. บ้านพร้อมที่ดิน 40 หลัง จำนวน 274 ล้านบาท
  3. ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 33 หลัง จำนวน 362 ล้านบาท
  4. ห้องชุด 6 ห้อง เป็นเงิน 31 ล้านบาท
  5. ที่ดินเปล่า(โฉนด) 29 แปลง เป็นเงิน 164.5 ล้านบาท
  6. ที่ดินเปล่า(นส.3 ก.) 11 แปลง เป็นเงิน 10 ล้านบาท
  7. รีสรอร์ต(หัวหิน) 1 แห่ง เป็นเงิน 12 ล้านบาท
    8.ตลาดสด เนื้อที่ 6 ไร่ จำนวน 1 แห่ง เป็นเงิน 100 ล้านบาท
  8. อายัดหุ้น 51 บริษัท เป็นเงิน 52.3 ล้านบาท
    10.ยึดรถยนต์ 26 คัน เป็นเงิน 269 ล้านบาท
    11.ยึด จยย. จำนวน16 คัน มูลค่า 630,000 บาท

นอกจากนั้น ยังตรวจยึดและอายัดทรัพย์อื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่าทั้งสิ้น 966,333,140 บาท ซึ่งหลังจากนี้ทาง ปปง.จะมีการนำทรัพย์ที่ยึดได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและจะนำทรัพย์สินทั้งหมดมาคืนให้กับสหกรณ์ฯตามขั้นตอน พร้อมนำกลุ่มผู้ต้องไปส่งฟ้องอัยการศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 สงขลาต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ยึดครอง ถือครอง ทรัพย์สินที่ได้มาจากการทุจริตจากสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด หากไม่อยากจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือรู้ตัวว่ากระทำความผิดและร่วมกันกระทำความผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาก็ให้มาพบกับพนักงานสอบสวน เพื่อจะได้นำทรัพย์สินมามอบให้กับพนักงานสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป สำหรับคดีนี้ใกล้จบแล้วโดยผู้ต้องหาจะต้องถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีโดยเฉียบขาด ส่วนทรัพย์สินก็จะถูกตรวจยึดและอายัดทุกๆราย พร้อมกันนั้นได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ อดีต หน.ชุดสอบสวนของ สตช.ในคดีดังกล่าว (เกษียณแล้ว) ได้เข้ามาดูแล ตรวจสอบในการจัดทำสำนวนฟ้องผู้ต้องหาอย่างรัดกุม และในวันที่คดีถูกนำสู่ชั้นศาล ตนจะเดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีด้วย.

ที่มา:ไทยรัฐ

ผู้นำเสนอข่าว

ยัยแม่มด

Written by:

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *