MG EP ที่ขายในไทย (แต่ไม่มีรถส่งให้ลูกค้าแล้ว) ซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่ประจำปี 2565 ถูกเปิดตัวออนไลน์ในเดือนมีนาคม 2564 โดยมีการออกแบบใหม่และใช้ช่วงที่ปรับปรุงให้ดีขึ้น หลังจากโครงการรถยนต์ไฟฟ้าสเตชั่นแวกอนของ MG ต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 โมเดล MG EP หรือชื่อที่ใช้ในยุโรปว่า MG5 Electric รุ่นใหม่ จะมาถึงตัวแทนจำหน่ายในไทย ประมาณเดือนมีนาคม พ.ศ.2566
MG EP 2023 ด้วยดีไซน์และประสิทธิภาพการใช้งานที่ออกแบบมาสำหรับลูกค้าในยุโรป รวมถึงบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นต่อจาก MG4 Electric ขณะที่รายละเอียดเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของสเตชั่นแวกอนรุ่นปรับโฉม มีดังนี้
รุ่น Standard Range ใช้แบตเตอรี่ 50.3 kWh ชาร์จเต็มวิ่งไกล 320 กิโลเมตร (น้อยกว่า ORA Goodcat) มอเตอร์ไฟฟ้า วางด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 176 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 50.3 kWh อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 8.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รุ่น Long Range มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร มอเตอร์วางด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า แบตเตอรี่ Lithium-Ternary ขนาด 61.1 kWh อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 8.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จไฟเต็ม ทำระยะทางสูงสุด 400 กิโลเมตร
MG EP 2023 มีการออกแบบที่ทันสมัยมากกว่าเดิม สลัดภาพแม่บ้านสูงวัยไปเป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่สวยงาม EP ใหม่นั้นสดใสกว่าเดิมมาก รูปลักษณ์ใหม่ ทำให้จดจำได้ทันทีว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของ MG โดยเฉพาะด้านหน้า ประกอบด้วยกระจังหน้าที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ไม่มีช่องรับอากาศ เนื่องจากเป็นรถยนต์ไฟฟ้า จึงไม่จำเป็นต้องใช้กระจังหน้า พร้อมช่องรับอากาศขนาดใหญ่ กระจังใหม่รวมกับกันชนหน้าเป็นชิ้นเดียว กึ่งกลางกระจังมีช่องเสียบชาร์จพลังงานไฟฟ้าคล้ายกับ MG ZS EV แต่ดูเรียบร้อยกว่า ไฟหน้าเพรียวบาง มีไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Light กันชนหน้ามีช่องระบายอากาศด้านข้างแนวตั้ง กันชนที่ออกแบบใหม่ทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นนี้ มีรูปลักษณ์ที่เฉียบคมกว่าเดิม ล้ออัลลอยใหม่เป็นประกายช่วยเสริมสไตล์ด้านข้าง บั้นท้ายมีการเปลี่ยนแปลงด้านกายภาพ เพื่อปรับให้รถมีความน่าใช้งานมากกว่าเดิม ไฟท้ายแบบผสมผสานที่ปรับแต่งรูปทรงใหม่ กันชนหลังก็ของใหม่ และช่องอากาศปลอมๆ ทรงสามเหลี่ยม ที่มีพลาสติกสะท้อนแสงมัลติรีเฟกเตอร์ขนาดเล็ก มิติตัวถัง กว้าง 1,818 มิลลิเมตร ยาว 4,600 มิลลิเมตร สูง 1,543 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,659 มิลลิเมตร ความจุห้องเก็บสัมภาระท้าย 479 ลิตร
MG EP 2023 ตกแต่งภายในเหมือนกับ MG5 รุ่นเครื่องยนต์สันดาป ห้องโดยสารผสมผสานสไตล์ของรถยนต์ยุคใหม่ในกลุ่มยานยนต์พลังงานไฟฟ้าของ MG เข้ากับอุปกรณ์ดิจิทัล ทั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ที่เหมือนกับ MG5 ซีดาน แผงมาตรวัด TFT หน้าปัดใหม่แบบจอภาพ พร้อมขอบพลาสติกเสริมสีน้ำเงิน ตกแต่งล้อมกรอบจอภาพมาตรวัด ช่องแอร์ที่บางลงและมีการจัดเรียงตำแหน่งของช่องแอร์ใหม่ แผงหน้าปัดและจอภาพมอนิเตอร์กลางแบบดิจิทัล แทนที่จะเป็นหน่วยกึ่งดิจิทัล ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสใหม่ เบาะที่ยกมาจาก MG5 โดยรวมแล้ว ภายในของ MG EP ดูสะอาดตามากกว่าเดิม เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์ที่เน้นโทนสีอ่อนหรือเข้มให้ความรู้สึกพรีเมียม
Vehicle-To-Load (V2L) ซึ่งหมายความว่า รถจะสามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ โดยใช้พลังงานที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่ ถือเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้ที่ชอบตั้งแคมป์หรือปั่นจักรยาน เนื่องจากใช้แบตเตอรี่ของรถเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้า สำหรับการตั้งแคมป์หรือพักผ่อนกลางแจ้ง แบตเตอรี่ของ MG EP Facelift 2023 จะช่วยจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ การต้มกาแฟ หรือให้แสงสว่างในตอนกลางคืน รวมไปถึงชาร์จไฟให้กับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก็ได้ นอกจากฟีเจอร์ใหม่ที่มีประโยชน์ MG EP ยังได้รับการออกแบบตกแต่งภายในและอัปเกรดเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงระบบอินโฟเทนเมนต์จอกว้างขนาด 10.25 นิ้ว มีการอัปเกรดด้วยซอฟต์แวร์ใหม่ รองรับฟังก์ชั่นการทำงานของรถยนต์ที่เชื่อมต่อกับระบบ iSMART ผ่านแอปฯ สำหรับสมาร์ทโฟนของ MG โดยเฉพาะ
อุปกรณ์ที่ได้รับการปรับปรุงในสเตชั่นแวกอนไฟฟ้าของ MG คือ ไฟหน้าและไฟท้าย LED อัตโนมัติ แร็กหลังคา กล้องมองด้านหลังขณะขับถอยหลัง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ หน้าปัดมาตรวัด หน้าจอแสดงข้อมูลคนขับแบบสีขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay/Android Auto
ในตลาดต่างประเทศ MG EP รุ่นท็อปสุด มีอุปกรณ์เพิ่มเติมในรูปแบบของกระจกแต่งหน้า เพื่อความเป็นส่วนตัวด้านหลัง การตกแต่งภายในด้วยหนังเทียม พร้อมเบาะไฟฟ้าคู่หน้า เบาะนั่งด้านหน้าแบบปรับอุณหภูมิสำหรับตลาดยุโรป ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่ปัดน้ำฝนพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝน กล้องมองภาพ 360° MG EP 2022 รุ่นที่ขายในทวีปยุโรป มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) ของ MG Pilot โดยปรับปรุงซอฟต์แวร์เพื่อเข้าสู่เวอร์ชันการใช้งานในประเทศอังกฤษ
MG Thailand จะนำ New EP Facelift เข้ามาทำตลาดต่อจาก EP รุ่นแรกที่ขายดีในไทยจนผลิตไม่ทัน สำหรับราคาของ MG EP 2023 ในสหราชอาณาจักร ประกาศบนเว็บไซต์ของ MG UK สองรุ่น ได้แก่ MG EP SE และ MG EP Trophy ในราคา 30,995 ปอนด์ และ 33,495 ปอนด์ (ประมาณ 1,322,000 บาท ถึง 1,428,000 บาท) คาดว่า ถ้าประกอบในไทยก็น่าจะมีราคาไม่เกิน 800,000-900,000 บาท ตามดูกันอีกทีครับ.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/