ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ม.ค.66 ปิดที่ 1,682.94 จุด ลดลง 1.10 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 56,581.00 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 903.28 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด DELTA ปิด 884 บาท ลบ 6 บาท, KBANK ปิด 143.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, SCGP ปิด 53.50 บาท ลบ 1.75 บาท, AOT ปิด 75.25 บาท บวก 0.50 บาท, HANA ปิด 59 บาท บวก 0.25 บาท
บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งผันผวน Sideway ออกข้าง เนื่องจากตลาดเอเชียส่วนใหญ่ปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน ประกอบกับนักลงทุนยังติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ในกรอบ 1,670-1,695 จุด
ขณะที่การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจออกมายังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะสหรัฐฯที่มีการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสอง ลดลง 1.5% MoM สู่ระดับ 4.02 ล้านยูนิตในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.53 โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาบ้านและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง ขณะที่ IMF ออกมาระบุว่า ความล้มเหลวในการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสหรัฐฯ รวมทั้งเศรษฐกิจโลก
ส่วนการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของจีน ล่าสุด WHO ระบุว่า จีนรายงานยอดผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ม.ค.65 พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาด ส่วนปัญหารัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่คลี่คลาย ล่าสุดประธานสภาผู้แทนราษฎรของรัสเซียออกโรงเตือนว่าการที่ชาติตะวันตกจัดหาอาวุธร้ายแรงให้แก่ยูเครน ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อดินแดนของรัสเซียจะนำโลกไปสู่หายนะ
แนะกลยุทธ์ให้ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการประกาศของจีนที่ได้อนุญาตให้บริษัททัวร์และบริษัทท่องเที่ยวในระบบออนไลน์สามารถจัดส่งนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.66 โดยหุ้นที่ได้อานิสงส์ ได้แก่ MINT, CENTEL, ERW, SPA, AU และ SHR!!
