กระทิงปลั๊กอินไฮบริด Lamborghini Revuelto

กระทิงปลั๊กอินไฮบริด Lamborghini Revuelto

Lamborghini Revuelto ซุปเปอร์สปอร์ต ระบบขับเคลื่อนพลังงานผสมไฟฟ้า ปลั๊กอินไฮบริด รุ่นแรกของ Lamborghini กำลังมากถึง 1,015 CV โครงสร้างใหม่ เครื่องยนต์ ไร้ระบบอัดอากาศ V12 วางกลางลำตัว ชุดเกียร์ท้ายดับเบิลคลัตช์ 8 สปีดรุ่นใหม่ มอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรง 3 ตัว โหมดการขับ 13 รูปแบบ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทำงานได้แม้ใช้ไฟฟ้า 100% พร้อมฟังก์ชันการขับขี่แบบใหม่ และสไตล์ที่โดดเด่น

Sant’Agata Bolognese – เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปี Automobili Lamborghini แบรนด์กระทิงเปลี่ยนทำการแนะนำรถสปอร์ตรุ่นใหม่ โดยเปิดตัว Revuelto รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเครื่องยนต์ V12 สมรรถนะสูง (High Performance Electrified Vehicle: HPEV) รุ่นแรกของแบรนด์ จัดมาตรฐานใหม่เพื่อลดมลพิษ ยกระดับสมรรถนะ ภาพลักษณ์ ประสบการณ์การขับ โครงสร้างรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ระบบอากาศพลศาสตร์ประสิทธิภาพสูง คอนเซปต์ใหม่ของการใช้โครงคาร์บอนไฟเบอร์ กำลังเครื่องยนต์รวมสูงสุดอยู่ที่ 1,015 แรงม้า ผสานพลังระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นใหม่ กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ทำงานร่วมกับชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์ใหม่ ซึ่งถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกใน Lamborghini ขุมกำลัง 12 สูบ เป็นครั้งแรก

ระบบส่งกำลังประสานพลังของเครื่องยนต์สันดาปรุ่นใหม่ ที่มีค่ากำลังจำเพาะ 128 CV ต่อลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Axial Flux Motor ด้านหน้า 2 ตัว ให้อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าที่ดี ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Radial Flux Electric Motor อีก 1 ตัว ติดตั้งด้านบนชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์ 8 สปีดดีไซน์ใหม่ ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกใน Lamborghini เครื่องยนต์ 12 สูบ มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลังสูง (4,500 วัตต์ต่อกิโลกรัม) รองรับโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้า 100% ได้

Revuelto จะถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ของ Lamborghini ถือเป็นแกนสำคัญในแผนกลยุทธ์ Direzione Cor Tauri เพื่อเดินหน้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์” สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Lamborghini กล่าว “แม้จะใช้เครื่องยนต์พลังงานผสมปลั๊กอินไฮบริด แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอของแบรนด์ นั่นคือเครื่องยนต์ V12 สัญลักษณ์ของรถยนต์ซุปเปอร์สปอร์ต มรดกตกทอดของ Lamborghini มาอย่างยาวนาน Revuelto ถือกำเนิดมาเพื่อทลายกรอบเดิมๆ ด้วยการผสานเครื่องยนต์สันดาป 12 สูบรุ่นใหม่เข้ากับเทคโนโลยีไฮบริด มอบดุลยภาพระหว่างประสบการณ์การขับ และการลดอัตราการปล่อยไอเสียสู่ชั้นบรรยากาศโลก

วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งผลิตขึ้นด้วยศาสตร์และศิลป์ขั้นสูง ในโรงงาน Sant’Agata Bolognese เป็นองค์ประกอบในโครงสร้างหลัก ใช้กับส่วนโครง Monofuselage และเฟรม รวมถึงองค์ประกอบทุกส่วนของตัวถัง จากประตูไปจนถึงกันชน คอนเซปต์การใช้คาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุน้ำหนักเบาครอบคลุมตัวรถเกือบทั้งหมด เมื่อบวกกับ เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง มีอัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าที่ 1.75 kg/CV ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์กระทิงเปลี่ยว

Revuelto ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในเซกเมนต์ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 2.5 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลา 7 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 350 กม./ชม. ข้อมูลประสิทธิภาพ เกิดจากพลวัตขั้นสูง การใช้ระบบกระจายแรงบิดไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ สามารถขับเคลื่อนแบบไฟฟ้า 100% ออกแบบให้ย่านของพลังงาน รองรับการขับขี่ทุกสถานการณ์ ทั้งในสนามแข่ง และการเดินทางในชีวิตประจำวันบนท้องถนน นำอนาคตแห่งการออกแบบรถยนต์สู่ท้องถนน โดยยังคงยึดมั่นในดีไซน์ระดับเอ็กซ์คลูซีฟของ Lamborghini สไตล์การออกแบบแนวใหม่ทุกรายละเอียด การยังเชื่อมโยงเครื่องยนต์ V12 ตลอดจนการออกแบบสัดส่วนใหม่ เปิดประตูสู่อนาคต ของ Lamborghini แรงบันดาลใจจากเครื่องยนต์ V12 ในตำนาน ต้นแบบจากรุ่น Countach ในปี 1971 สัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ พัฒนามาเพื่อติดตั้งเครื่องตามแนวยาว เป็น สไตล์ที่งดงาม ทำให้นึกถึงความล้ำหน้าของยุคอวกาศ สร้างนิยามใหม่ของรถยนต์ซุปเปอร์สปอร์ต นั่นคือประตูปีกนกที่เปิดในแนวตั้ง (Scissor Doors) คาแรกเตอร์เฉพาะตัวของ Revuelto มีการผสมสัดส่วนของ Diablo และใช้ Floating blade บนบังโคลนท้าย ออกแบบให้ส่วนหน้ารถลู่ลงเหมือนในรุ่น Murciélago

ดีไซน์ซิกเนเจอร์ของไฟหน้ารูปตัววาย Y สัญลักษณ์ของรถยนต์แฟล็กชิ ประดับไอคอนิกยุคใหม่ การออกแบบห้องโดยสารภายใน มีความล้ำหน้าแบบก้าวกระโดด ไปสู่การตีความทิศทางการออกแบบแนวใหม่ เห็นได้ถึงปรัชญา ‘Feel like a pilot’ รายละเอียด ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารผสานเป็นหนึ่งเดียวกับดีไซน์รูปตัววาย Y ในส่วนของแผงหน้าปัดและคอนโซลกลาง จำลองสัมผัสของการขับรถแข่ง ทั้งระบบดิจิทัลและประสาทสัมผัสของร่างกาย การปรากฏตัวของ Revuelto เสมือนเปิดตัวยานอวกาศรุ่นใหม่ ด้วยการนำเสนอการออกแบบใหม่เพื่อรับมือความท้าทายในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนกำหนดรูปลักษณ์และสัดส่วนของรถที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ดีไซน์ได้นำแรงบันดาลใจมาจากอุตสาหกรรมการบิน มีคาแรกเตอร์เฉพาะตัว จากโครงสองเส้นสายหลักที่พาดผ่านจากด้านหน้า โอบล้อมห้องโดยสารและเครื่องยนต์ ลู่ลงสู่ชุดท่อไอเสียทรงหกเหลี่ยมในส่วนท้าย

องค์ประกอบจากอุตสาหกรรมการบิน ถูกผสานอย่างกลมกลืนเข้ากับงานออกแบบส่วนหน้า รูปทรงแบบ Shark-nose ของฝากระโปรงหน้าขนาดใหญ่ ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ สอดรับกับชุดไฟหน้ารูปตัววาย ที่ใช้ส่องสว่างในเวลากลางวัน ล้อมด้วยแผงระบบอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic blades) เชื่อมต่อกับสปลิตเตอร์ไปจนถึงฝาครอบ ฟินข้าง ติดตั้งอยู่ด้านหลังซุ้มล้อหน้า นำอากาศไหลไปตามด้านข้างและส่วนโค้งเว้าของประตูสู่ท่อดักอากาศ ซึ่งมีลักษณะเป็นสันคม สะท้อนรูปทรงหัวลูกศรด้านหน้าได้อย่างงดงาม หลังคาออกแบบให้มีความโค้งเหนือศีรษะมากขึ้น ฟังก์ชันด้านอากาศพลศาสตร์ รูปทรงที่ลู่ลม ช่วยนำอากาศให้ไหลสู่สปอยเลอร์หลัง เพิ่มความสูงของห้องโดยสารทั้งในส่วนผู้ขับและผู้โดยสารให้สูงขึ้น

การออกแบบส่วนท้ายรถให้ความสำคัญกับการติดตั้งระบบไฮบริด เครื่องยนต์ V12 ซึ่งเครื่องยนต์ที่ติดตั้งตามแนวยาวแบบเปิดโล่ง ถือเป็นหัวใจสำคัญของ Revuelto เชื่อมต่อไปยังชุดท่อไอเสียคู่รูปหกเหลี่ยม ปีกทรงเรขาคณิต โอบล้อมด้วยชุดไฟหน้ารูปตัววาย “Y”

มาตรฐานการออกแบบภายในที่กำหนดให้ผู้ขับมีความสำคัญตามปรัชญา ‘Feel like a pilot’ ของแบรนด์ การตกแต่งภายในยังสะท้อนถึงดีไซน์ใหม่แห่งโลกอนาคตของตัวรถภายนอก โดยทุกองค์ประกอบของห้องโดยสารยังคงแบบฉบับของลัมโบร์กินีอย่างชัดเจน โดยผสานดุลยภาพแห่งประสบการณ์ยุคดิจิทัลเข้ากับสัมผัสทางกายภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งเพื่อการขับขี่ในชีวิตประจำวันและการพุ่งทะยานในสนามแข่ง จุดรวมสายตาในห้องโดยสารนำเสนอการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์อย่างโดดเด่น ผ่านการออกแบบสไตล์ “ยานอวกาศ” ที่โอบล้อมช่องแอร์กลางและจอแสดงผลทัชสกรีนแนวตั้งขนาด 8.4 นิ้ว ซึ่งถือเป็นหัวใจแห่งเทคโนโลยีของรถยนต์รุ่นนี้

การเปิดตัว Revuelto เสนอประสบการณ์การขับขี่ร่วมกันระหว่างผู้ขับและผู้โดยสาร รู้สึกเสมือนเป็นนักบินและนักบินร่วม โดยสามารถมองเห็นข้อมูลการขับขี่เดียวกันบนจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วบนฝั่งผู้ขับและจอขนาด 9.1 นิ้วที่ติดตั้งบนแผงหน้าปัดด้านผู้โดยสาร นำเสนอฟังก์ชัน “การปัดหน้าจอ” เลื่อนแอปพลิเคชันและข้อมูลจากจอแสดงผลกลางไปยังจอด้านข้าง เหมือนกับการปัดหน้าจอสมาร์ตโฟน จอดิจิทัลทั้ง 3 จอ เน้นความโปร่งโล่งในห้องโดยสารอย่างมีสไตล์ด้วยการขจัดปุ่มกดส่วนใหญ่ให้เหลือน้อยลง ช่วยให้ผู้ขับสามารถมีสมาธิจดจ่อกับการขับได้อย่างเต็มที่

การออกแบบพวงมาลัยได้แรงบันดาลใจมาจากโลกมอเตอร์สปอร์ตและประสบการณ์จากรุ่น Essenza SCV12 ติดตั้งโรเตอร์สี่ตัวบนก้านพวงมาลัยเพื่อใช้เลือกทั้งโหมดการขับขี่และระบบยกตัวรถและการปรับระดับสปอยเลอร์หลัง การออกแบบห้องโดยสารและระบบควบคุม ให้ใช้งานง่าย มอบสัมผัสที่เป็นธรรมชาติ ปุ่มต่างๆ บนพวงมาลัยจะใช้เพื่อเปิดปิดสัญญาณเลี้ยวและควบคุมของฟังก์ชันต่างๆ ช่วยให้ผู้ขับสามารถจับพวงมาลัยได้อย่างมั่นคงตลอดเวลา

Revuelto ดีไซน์หลังคาใหม่ยังช่วยเพิ่มความสูงของห้องโดยสารได้มากกว่ารุ่น Aventador Ultimae 26 มม. โครงสร้าง Monofuselage เพิ่มพื้นที่วางขากว้างกว่าเดิม 84 มม. เพิ่มพื้นที่ด้านหลังเบาะนั่งให้มากขึ้น เก็บสัมภาระขนาดใหญ่เท่ากับถุงกอล์ฟได้พอดี เพิ่มพื้นที่ใต้ฝากระโปรงหน้าให้ใส่กระเป๋าเดินทางได้สองใบ เพิ่มพื้นที่ใช้งานเช่น ช่องเก็บสัมภาระใต้แผงหน้าปัดกลางและระหว่างเบาะที่นั่ง รวมถึงที่วางแก้วที่ติดตั้งอยู่ด้านข้างแผงหน้าปัดฝั่งผู้โดยสาร

งานทำสีรถของ Revuelto มีให้เลือกมากถึง 400 เฉดสี ร่วมกับออปชันการปรับแต่ง เพื่อสร้างรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตในฝันของลูกค้าได้อย่างตรงใจ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการใช้ระบบไฮบริดในทางเทคนิค แต่ยังรวมถึงสีที่นำมาใช้ทั้งหมดโดยเป็นแบบสูตรน้ำ (Water-based) มากกว่าสูตรน้ำมันเคมี (Solvent-based)

แนวคิดความยั่งยืน ครอบคลุมทุกส่วนของการตกแต่งห้องโดยสาร หลีกเลี่ยงการสร้างขยะสู่สิ่งแวดล้อม เป็นแนวทางปฏิบัติของบริษัททุกแห่งในเครือ Lamborghini แนวคิดนี้ยังรวมไปถึงการใช้วัสดุหุ้มเบาะ การทำเบาะหนังสไตล์ Lamborghini (Lamborghini Selleria) ใช้เครื่องจักรรุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อลดปริมาณขยะให้เหลือน้อยที่สุด โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของงานฝีมือ และกระบวนการเย็บที่ยังคงใช้แรงงานช่างฝีมือ เป็นเอกลักษณ์ที่ทรงคุณค่า

ห้องโดยสารใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ทั้งส่วนแผงหน้าปัด ช่องแอร์รูปหกเหลี่ยม รวมถึงกรอบแผงหน้าปัดและช่องแอร์กลาง หุ้มเบาะผสานการใช้หนังเนื้อละเอียดเข้ากับวัสดุสิ่งทอน้ำหนักเบาพิเศษ Corsa-Tex ผ้าไมโครไฟเบอร์ของ Dinamica® เป็นโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล ด้วยกระบวนการผลิตแบบน้ำ สามารถตกแต่งห้องโดยสารได้ตามต้องการ หรือเลือกผสม ทั้งวัสดุหนังและ Corsa-Tex หรือเลือกวัสดุที่ต้องการเพียงอย่างเดียว และมีให้เลือกมากถึง 70 เฉดสี

ระบบอากาศพลศาสตร์
Lamborghini Revuelto มีเป้าหมาย คือ ยกระดับประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ขั้นสุดยอด วางเลย์เอาต์ของรถโดยใช้หลักการออกแบบที่แตกต่าง เมื่อเปรียบเทียบกับ Aventador ส่งผลถึงการพัฒนาระบบอากาศพลศาสตร์อย่างชัดเจน การพัฒนานี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานแนวคิดหลัก 4 ด้าน ได้แก่ ประสิทธิภาพ การทำงานเสริมกันขององค์ประกอบต่าง ๆ การผสานองค์ประกอบต่าง ๆ เป็นส่วนเดียวกัน และการออกแบบที่งดงาม ประสิทธิภาพด้านแอร์โรไดนามิก เกิดจากการผสานแรงกดระดับสูงเข้ากับแรงต้านซึ่งถูกปรับให้น้อยที่สุด ใช้สปอยเลอร์หลังแบบแอ็กทีฟ พัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ที่ดีที่สุดในทุกสภาวะการขับ พัฒนาอุปกรณ์ ใหม่ขึ้นด้วยเพื่อการบริหารแรงกดที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์ ทำหน้าที่แตกต่างกันไปตามโหมดการขับทั้งสามรูปแบบ

ตำแหน่งของสปอยเลอร์ เปลี่ยนไปตามโหมดการขับและไดนามิกที่เลือก สามารถปรับให้เป็นสไตล์ที่ต้องการได้ โดยใช้โรเตอร์ ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะ ติดตั้งไว้ที่พวงมาลัย ตำแหน่งสปอยเลอร์ “ปิด (Closed)” จะเกิดแรงต้านต่ำที่สุด เช่น ในการใช้โหมดไฟฟ้า ตำแหน่งนี้ ยังช่วยประหยัดน้ำมันมากที่สุด เมื่อสปอยเลอร์อยู่ใน “ตำแหน่งแรงต้านต่ำ (Low Drag Position)” จะเกิดแรงต้านต่ำเมื่อขับด้วยความเร็วสูง ช่วยเพิ่มความเร็วสูงสุด เพิ่มเสถียรภาพ สปอยเลอร์ในตำแหน่งแรงกดสูง (High Downforce Position) จะเพิ่มแรงกด โดยปรับระดับความคล่องตัวและการควบคุมตัวรถ Revuelto ให้เหมาะสม

ด้านหน้า ติดตั้งสปลิตเตอร์คาร์บอนไฟเบอร์ ขอบแผ่ออกรอบด้านตรงส่วนกลางและเอียงลาดลงทางด้านข้าง สร้างกระแสอากาศเพื่อเพิ่มแรงกดส่วนหน้า ทำการเบี่ยงลมให้เลี่ยงส่วนล้อ การออกแบบรูปทรงกลางตัวรถ ช่วยให้อากาศไหลไปยังครีบ Vortex Generators สี่ตัวหลัง ประกอบด้วยแผ่นทรงโค้งแคบที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถัง สำหรับการเพิ่มแรงของกระแสลมที่ปะทะตัวรถด้านล่าง ช่วยเพิ่มแรงกดและกำหนดทิศทางของกระแสลมให้ไหลไปยังดิฟฟิวเซอร์ ซึ่งทำหน้าที่ด้านอากาศพลศาสตร์ด้วยการแยกกระแสลมที่ไหลมาจากใต้ตัวถัง ผ่านระบบกำหนดช่องทางลมระหว่างส่วนกลางตัวรถ ซึ่งมีความลาดต่ำ (ที่ 11° เมื่อเปรียบเทียบกับ 7° ใน Aventador Ultimae) และส่วนท้ายของตัวรถที่มีความลาดเอียงสูง (ที่ 15° เมื่อเปรียบเทียบกับ 8° ใน Aventador Ultimae) ดิฟฟิวเซอร์นี้ยังทำหน้าที่ในเชิงโครงสร้างและช่วยระบายความร้อนให้กับส่วนเครื่องยนต์ ทำให้ Revuelto เพิ่มแรงอากาศพลศาสตร์ส่วนหน้ารถได้ 33% และส่วนท้ายรถ 74% เมื่อเปรียบเทียบกับ Aventador Ultimae (ภายใต้สภาวะแรงสูงสุด)

ระบบระบายความร้อน หม้อน้ำด้านหน้า สร้างลมร้อนขึ้นมา จึงต้องมีช่องทางระบายที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลถึงการลดประสิทธิภาพของหม้อน้ำด้านข้าง มีการติดตั้งช่องบานเกล็ดระบายลมที่หันออกสู่ด้านนอกไว้บนตะแกรงของหม้อน้ำด้านหน้า นำลมร้อนไหลออกห่างจากล้อและหม้อน้ำด้านข้าง ครีบซึ่งติดอยู่แต่ละข้างของกันชนหน้า ช่วยลดแรงต้านอากาศ มือจับประตูก็ยังมีหน้าที่ด้านอากาศพลศาสตร์ โดยทำงานร่วมกับปีกรูปตัววาย “Y” เป็นโซลูชันที่สามารถเปลี่ยนทิศทางกระแสลมที่ไหลผ่านเข้ามาทางฝากระโปรงหน้า ให้ไหลไปยังฟินแนวขวางด้านข้างด้านใดด้านหนึ่ง และไหลเข้าหาหม้อน้ำโดยตรง

การเสริมประสิทธิภาพของระบบระบายความร้อนชุดเบรก นำระบบอากาศพลศาสตร์เข้ามาทำงาน แผ่นกันสะเทือนคู่หน้าและตะแกรงด้านในซุ้มล้อ ออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อระบายความร้อนเบรกหน้าโดยแผ่นนี้จะช่วยพาอากาศจากดิฟฟิวเซอร์หน้าไปที่เบรก มีรูปทรงที่ช่วยลดแรงต้านภายในล้อ ช่วยจำกัดการบีบอัดและเพิ่มแรงโหลดในส่วนหน้า ท่อดักอากาศ (NACA) คู่ บริเวณด้านหน้าของล้อหลังทั้งสอง คอยเก็บลมจากใต้ท้องรถ ส่งตรงไปยังท่อระบายความร้อนของเบรกหลัง หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ ใช้โครงสร้างที่เพิ่มความกว้างของห้องโดยสารภายใน ดีไซน์รูปทรงปีก มีโพรงอากาศตรงกลาง ช่วยนำลมไปยังท่อดักลมด้านหลัง ไหลต่อไปยังอุปกรณ์แปลงกระแสไฟ (Inverter) และมอเตอร์ไฟฟ้าที่อยู่ด้านบนชุดเกียร์ ด้านข้างของหลังคา ยกพื้นที่เหนือศีรษะให้สูงขึ้นทั้งในส่วนผู้ขับและผู้โดยสาร

โครงสร้าง Monofuselage
Revuelto ใช้นวัตกรรมโครงสร้างใหม่ล่าสุด Monofuselage แรงบันดาลใจจากตัวถัง Monocoque ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน ผลิตด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ โดย Monofuselage มีโครงสร้างส่วนหน้าเป็นแบบ Forged Composites เป็นวัสดุพิเศษที่ผลิตจากชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ขนาดเล็ก ชุบด้วยเรซิ่น Lamborghini จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีนี้ และเริ่มใช้ในการผลิตโครงสร้างครั้งแรกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008

โครงสร้าง Monofuselage แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าต่อจาก Aventador ทั้งในด้านประสิทธิภาพความแข็งแรงและทนทานต่อแรงบิดตัว น้ำหนักเบา ให้พลศาสตร์การขับที่ดีเยี่ยม Revuelto ยังเป็นรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นแรกที่ใช้โครงสร้างส่วนหน้าเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ 100% วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ยังใช้กับโครงรูปโคนส่วนหน้าเพื่อยกระดับการดูดซับพลังงาน ซึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับโครงสร้างโลหะแบบดั้งเดิม มากกว่าเป็นสองเท่าเมื่อเปรียบเทียบกับโครงส่วนหน้าแบบอลูมิเนียมของ Aventador บวกกับคุณสมบัติน้ำหนักที่เบาลงอย่างมาก โครงสร้าง Monofuselage ของ Revuelto มีน้ำหนักเบากว่าโครงแชสซีของ Aventador 10% โครงส่วนหน้าเบากว่าโครงอลูมิเนียมของรุ่นก่อนหน้า 20% นอกจากนี้ ความแข็งแรงและทนต่อแรงบิด เพิ่มขึ้นไปที่ 40,000 Nm/° สูงขึ้น 25% เมื่อเปรียบเทียบกับ Aventador การันตีสมรรถนะที่เป็นเลิศด้านพลศาสตร์ที่ดีที่สุดในคลาส 

การนำเทคโนโลยี Forged Composites มาใช้งาน รวมไปถึงการพัฒนาร็อคเกอร์ริงขนาดใหญ่ การใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ขั้นสูง ชิ้นส่วนรูปวงแหวนเดี่ยว ผลิตจากวัสดุ CFRP เพื่อเป็นโครงสร้างรับน้ำหนักของตัวรถยนต์ ร็อคเกอร์ริง ติดตั้งล้อมรอบและเชื่อมต่อกับชิ้นส่วน Forged Composites อื่น ๆ เช่น โครงส่วนห้องโดยสาร ผนังห้องเครื่องส่วนหน้า และโครงเสา A pillar การผลิตโครงหลังคา ใช้เทคโนโลยีการผลิตจากเครื่อง Autoclave  เทคโนโลยีดังกล่าว ผสานเข้ากับมาตรฐานด้านเทคนิค ความงาม และคุณภาพระดับสูง งานฝีมือในกระบวนการขึ้นรูป ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ในการผลิตชิ้นส่วนคอมโพสิต ลูกค้าสามารถเลือกแบบหลังคาได้หลากหลายและตรงใจ

โครงสร้างแชสซีส่วนท้ายผลิตจากอลูมินัมอัลลอย์คุณภาพสูง มีการสร้างโพรงสองตำแหน่งสำคัญในส่วนโดมท้ายรถ ช่วยผสานการทำงานของระบบช่วงล่างส่วนหลังและระบบส่งกำลังให้เป็นหนึ่งเดียว มีจุดประสงค์หลักเพื่อการลดน้ำหนัก เพิ่มความแข็งแกร่ง และลดจุดเชื่อมต่อของโครงสร้าง Revuelto ยังเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้คาร์บอนไฟเบอร์ในการผลิตรถยนต์ ซึ่งใช้ตัวย่อว่า AIM (Automation, Integration, Modularity) โดย “Automation” หมายถึงการใช้กระบวนการผลิตอัตโนมัติระบบดิจิทัลในการแปรรูปวัสดุ การอนุรักษ์การผลิตแบบดั้งเดิมของ Lamborghini ด้วยศาสตร์ของความเชี่ยวชาญในการใช้งานวัสดุคอมโพสิต

“Integration” คือการผสานฟังก์ชันต่าง ๆ ให้มารวมอยู่ในชิ้นส่วนเดียวผ่านการพัฒนากระบวนการขึ้นรูปแบบบีบอัด (Compression Molding) กระบวนการนี้ใช้โพลิเมอร์ที่นำมาให้ความร้อนก่อน (Preheated Polymers) เพื่อให้สามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีความยาว ความหนา และความซับซ้อนที่แตกต่างกัน รับประกันการผสานเข้ากันของชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างความทนต่อแรงบิดในระดับสูง  “Modularity” หมายถึงการสร้างเทคโนโลยีประยุกต์แบบโมดูลาร์ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพ รองรับข้อกำหนดและลักษณะเฉพาะของผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบ

ระบบส่งกำลังและการวางเลย์เอาต์รูปแบบใหม่
เลย์เอาต์การวางตำแหน่งเครื่องยนต์ ติดตั้งเครื่องยนต์ V12 แบบไร้ระบบอัดอากาศขนาด 6.5 ลิตร บริเวณกลางตัวรถ มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวแรก จะอยู่ที่เพลาขับคู่หน้า อีก 1 ตัว ติดตั้งอยู่กับชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์ 8 สปีดรุ่นใหม่ เป็นครั้งแรกที่ชุดเกียร์ถูกติดตั้งอยู่หลังเครื่องยนต์ เป็นการติดตั้งแนวขวางอยู่ด้านหลังเครื่องยนต์สันดาป V12 พื้นที่ของอุโมงค์เกียร์ที่มีมาตั้งแต่ Countach ถูกแทนที่ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนพลังสูง เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า

มอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงบิดให้กับเครื่อง ในขณะทำงานรอบต่ำ สามารถเปลี่ยน Revuelto ให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 30% เมื่อเปรียบเทียบกับ Aventador Ultimae

เครื่องยนต์ V12 เจนใหม่ ระบบไฮบริดในรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง (High Performance Electrified Vehicle: HPEV) รุ่นแรกที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลังไฟสูงน้ำหนักเบา โดยติดตั้งในท่อส่งกำลังที่อยู่ส่วนกลางของโครงแชสซี เป็นโซลูชันใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการปล่อยไอเสีย เมื่อเปรียบเทียบกับ เครื่องยนต์ V12 ที่ผ่านมา เครื่องยนต์ L545 รุ่นใหม่ ความจุ 6.5 ลิตร เป็นเครื่อง 12 สูบที่เบาที่สุด ให้กำลังเครื่องสูงสุดเท่าที่ Lamborghini เคยผลิตมา มีน้ำหนักรวม 218 กิโลกรัม เบากว่าเครื่องยนต์ของ Aventador ถึง 17 กิโลกรัม  Revuelto เปลี่ยนมุมติดตั้งเครื่องยนต์ถึง 180 องศา เมื่อเปรียบเทียบกับเลย์เอาต์ของ Aventador โดยเครื่องยนต์ Superquadro V12 มีกำลัง 825 แรงม้า ที่ 9,250 รอบต่อนาที จากระบบจ่ายกำลังเครื่องรุ่นใหม่ที่รองรับรอบเครื่องได้สูงสุดถึง 9,500 รอบต่อนาที มีค่ากำลังจำเพาะอยู่ที่ 128 แรงม้าต่อลิตร เป็นกำลังเครื่องที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของเครื่องยนต์ 12 สูบของ Lamborghini ให้แรงบิดสูงสุด 725 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที

ท่อดักอากาศได้รับการออกแบบโครงสร้างใหม่เพื่อเพิ่มปริมาณอากาศและเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนอากาศสู่ห้องเผาไหม้ให้ดียิ่งขึ้น การเผาไหม้ในห้องเครื่องประสิทธิภาพสูงสุดยังมาจากระบบควบคุมการแตกตัวของประจุในห้องเครื่องผ่านหน่วยควบคุม 2 ยูนิต เป็นสิ่งที่เคยใช้ใน Aventador และถูกส่งต่อมายังรถรุ่นนี้ ระบบการสันดาปใหม่ มีอัตราส่วนกำลังอัดเพิ่มขึ้น (12.6:1 เมื่อเปรียบเทียบกับ 11.8:1 ใน Aventador Ultimae) ท่อไอเสียปรับปรุงใหม่เพื่อการไหลเวียนของไอเสียเมื่อเครื่องมีกำลังรอบสูงดีขึ้น เพิ่มกำลังเครื่องจำเพาะให้สูงขึ้น

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบไฟฟ้า
ในขณะที่เครื่องยนต์สันดาปภายในถ่ายกำลังให้กับล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังแรงบิดกับเพลาหน้า มอเตอร์แต่ละตัว จะสร้างแรงบิดในล้อหน้าแต่ละข้าง มอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่สาม วางอยู่เหนือชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์ 8 สปีด ช่วยเสริมแรงบิดล้อหลัง ขึ้นอยู่กับโหมดการขับที่เลือกและสภาพของพื้นถนน แรงบิดรวมจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ด้วยแรงบิดสูงสุด 725 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์สันดาปภายใน และอีก 350 นิวตันเมตร จากมอเตอร์หน้าแต่ละตัว 

มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวด้านหน้าเป็นมอเตอร์แกนฟลักซ์แบบน้ำมันหล่อเย็น ให้อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้า ที่ 18.5 กิโลกรัม จากมอเตอร์ 110 กิโลวัตต์แต่ละตัว ฟังก์ชันกระจายแรงบิด (Torque Vectoring) ยกระดับพลศาสตร์การขับ กู้คืนพลังงานจากการเบรก เมื่อเลือกโหมดการขับไฟฟ้า Revuelto จะขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า เพื่อลดอัตราการใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ในขณะขับด้วยระบบไฟฟ้า เพลาหลังจะทำงานเฉพาะเมื่อถูกสั่งการในสถานการณ์ที่จำเป็น

Revuelto ติดตั้งชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลังสูง (4,500 วัตต์ต่อกิโลกรัม) ไว้บริเวณท่อแกนกลาง ทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำสุด การกระจายน้ำหนักที่ดี ตัวแบตเตอรี่ได้รับการปกป้องโดยชั้นโครงสร้างส่วนล่าง เชื่อมต่อไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าตัวหน้า มอเตอร์ไฟฟ้าตัวหลัง และหน่วยชาร์จไฟที่รวมไว้ในระบบ แบตเตอรี่มีความยาว 1,550 มม. สูง 301 มม. และกว้าง 240 มม. บรรจุเซลล์พลังงาน รวมความจุ 3.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง เมื่อประจุลดลงเหลือศูนย์ สามารถชาร์จใหม่ได้ ทั้งการใช้กระแสสลับและแบบชาร์จในบ้านที่มีกระแสสูงสุด 7 กิโลวัตต์ ชาร์จเต็มในเวลาเพียง 30 นาที นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จไฟจากการเบรกของล้อหน้าที่ช่วยประจุไฟได้ หรือชาร์จโดยตรงจากเครื่องยนต์ V12 ในเวลา 6 นาที

ระบบเกียร์
ชุดเกียร์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางประสาทของรถยนต์แบบ Plug-in Hybrid มีการพัฒนาหน่วยส่งกำลังขนาดเล็กรุ่นใหม่ สามารถตอบโจทย์ข้อกำหนดเรื่องพลังงานไฟฟ้าแรงสูงได้ ออกแบบโดยทีมวิศวกร Lamborghini ทั้งหมด หลังจากติดตั้งใช้งานใน Revuelto อุปกรณ์นี้จะถูกนำไปใช้ในรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่นต่อไปที่จะผลิตใน Sant’Agata Bolognese ตลอดจนนำระบบคลัตช์คู่แบบเปียกที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เน้นการเสริมสมรรถนะเครื่องยนต์เป็นหลัก สร้างแรงบิดสูงสุด 725 นิวตันเมตร ที่ 6,750 รอบต่อนาที จากเครื่องยนต์สันดาปภายใน ชุดเกียร์ 8 สปีดรุ่นใหม่ถูกวางตำแหน่งตามขวางด้านหลังเครื่องยนต์ V12 ที่วางตามแนวยาว เว้นเนื้อที่ในท่อระบบส่งกำลัง สำหรับการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ตัวให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้า การวางเลย์เอาต์ลักษณะนี้ รักษาตำแหน่งของฐานล้อ  และการกระจายน้ำหนัก เพื่อเสริมระบบพลศาสตร์การขับขี่

ประวัติศาสตร์กว่า 60 ปีของ Lamborghini มีรถยนต์เครื่อง V12 เพียง 2 รุ่นที่ติดตั้งชุดเกียร์ตามแนวขวาง นั่นคือรุ่นปฏิวัติวงการอย่าง Miura เปิดตัวในปี 1966 ซึ่งใช้เลย์เอาต์เครื่องยนต์แนวขวางบริเวณกลางค่อนมาทางท้ายรถ และ รุ่น Essenza SCV12 รถยนต์ไฮเปอร์คาร์ที่เน้นการขับในสนามแข่ง ติดตั้งเครื่องยนต์แนวยาวและชุดเกียร์รับน้ำหนักแนวขวาง โครงสร้างภายในของชุดเกียร์รุ่นใหม่ มีชาฟต์พิเศษ 2 ชิ้น ตรงข้ามกับตามปกติที่มี 3 ชิ้น ชิ้นหนึ่งทำหน้าที่ควบคุมเกียร์เลขคู่ อีกชิ้นควบคุมเกียร์เลขคี่ ทั้งสองชิ้นทำงานกับโรเตอร์ตัวเดียว การวางเลย์เอาต์ลักษณะนี้ ช่วยลดน้ำหนักโดยรวมและประหยัดพื้นที่

ระบบส่งกำลังดับเบิลคลัตช์ (Double Clutch Transmission: DCT) 8 สปีด เกิดจากแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการขับแนวสปอร์ต การเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็ว การทำงานร่วมกันของทั้ง 8 สปีด เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและความสามารถในการขับ มีฟีเจอร์พิเศษอย่าง “การลดเกียร์ต่อเนื่อง ซึ่งสามารถลดเกียร์ทีละหลายสเต็ป เมื่อทำการเบรกได้อย่างง่ายดาย เพียงกดค้างที่แป้นด้านซ้าย ทำให้ผู้ขับรู้สึกถึงการควบคุมที่สมบูรณ์แบบ

ไม่นับรวมชิ้นส่วนระบบไฟฟ้า ชุดเกียร์ DCT รุ่นใหม่ มีน้ำหนักเบากว่าและเร็วกว่าในการเปลี่ยนเกียร์ เมื่อเปรียบเทียบกับระบบดับเบิลคลัตช์ 7 สปีด ที่ใช้ในตระกูล Huracán การวางเลย์เอาต์แนวขวาง เพิ่มพื้นที่ห้องโดยสาร มีเนื้อที่ด้านหลังคนขับและผู้โดยสารที่โปร่งตาและผ่อนคลาย ชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์มีขนาดกะทัดรัด โดยยาวเพียง 560 มม. กว้าง 750 มม. และสูง 580 มม. น้ำหนักรวม 193 กิโลกรัม ซึ่งรวมถึงชิ้นส่วนพื้นฐานใหม่ในโครงสร้างรถยนต์ไฮบริด นั่นคือมอเตอร์ไฟฟ้าส่วนหลังซึ่งมีกำลังไฟสูงสุด 110 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร

มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งด้านบนชุดเกียร์ทำหน้าที่สองด้าน เป็นมอเตอร์สตาร์ตและเจเนอเรเตอร์ จ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าส่วนหน้า ผ่านทางแบตเตอรี่ในท่อระบบส่งกำลัง เมื่อเปลี่ยนมาใช้โหมดไฟฟ้าทั้งหมด มอเตอร์นี้ยังส่งกำลังให้กับล้อหลัง นอกจากเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหน้า ยังทำให้การขับเคลื่อนสี่ล้อมีอัตราการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ การปรับฟังก์ชันการทำงานให้สอดคล้องตามโหมดการขับ เกิดจากการกลไกแบบแยกส่วนที่ควบคุมผ่านตัวประสาน เชื่อมต่อกับส่วนชุดเกียร์ดับเบิลคลัตช์ ในขณะส่งกำลังเสริมให้กับเครื่องยนต์สันดาปภายใน V12 มอเตอร์ไฟฟ้าจะอยู่ในตำแหน่ง P3 โดยแยกตัวจากชุดเกียร์ และจะเคลื่อนไปอยู่ตำแหน่ง P2 เพื่อชาร์จไฟแก่แบตเตอรี่ในขณะวิ่งด้วยความเร็วต่ำและจอดนิ่ง โดยยังทำหน้าที่เป็นมอเตอร์สตาร์ตอีกด้วย เมื่ออยู่ในตำแหน่ง P3 นั้น Revuelto จะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนสี่ล้อในทันที ขึ้นอยู่กับโหมดการขับ เกียร์ถอยหลังทำงานผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวหน้า หากจำเป็นต้องการแรงเสริม มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง จะเข้ามาช่วยเสริมแรง โดยส่งกำลังให้เพลาและล้อหลัง ผลลัพธ์ก็คือ Revuelto สามารถขับเคลื่อนสี่ล้อโดยมีอัตราการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ แม้ในขณะถอยหลังบนพื้นถนนที่มีแรงยึดเกาะต่ำ

สถาปัตยกรรมโครงสร้างรูปแบบใหม่ช่วยให้กระจายน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม (44% ที่ส่วนหน้าและ 56% ที่ส่วนท้าย) มีน้ำหนักเข้าใกล้จุดศูนย์ถ่วงมากที่สุด ลดความยาวของฐานล้อ ส่งผลให้การกระจายน้ำหนักมีความสมดุล Revuelto คล่องตัวสูงและขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งบนพื้นถนนและในสนามแข่งอันคดเคี้ยว คุณสมบัติการกระจายน้ำหนัก ด้วยการเพิ่มระดับความแข็งของเหล็กกันโคลง (+11% ด้านหน้าและ +50% ด้านท้าย) ลดอัตราทดเฟืองพวงมาลัย (-10% เมื่อเปรียบเทียบกับ Aventador Ultimae) ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกนำมาใช้และประสบความสำเร็จมาแล้วใน Huracán STO นอกจากนี้ Revuelto ยังยกระดับขีดความสามารถด้วยระบบบังคับเลี้ยว ช่วยเพิ่มสัมผัสการควบคุมที่ฉับไว ตอบสนองเร็ว ความคล่องตัวสูง รู้สึกได้ถึงเสถียรภาพและแม่นยำในทุกจังหวะการขับ ยาง Bridgestone Potenza Sport ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ พื้นที่หน้ายางที่กว้างขึ้น (+4% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador Ultimae)

การติดตั้งเพลาไฟฟ้า (e-axle) ใน Revuelto นำระบบกระจายแรงบิดไฟฟ้ามาใช้งานเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และทำงานร่วมกับ Lamborghini Dinamica Veicolo 2.0 ระบบกระจายแรงบิดไฟฟ้า ช่วยเพิ่มความฉับไวให้กับรถ เมื่อต้องเข้าโค้งมุมแคบ เพิ่มเสถียรภาพเมื่อต้องเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ช่วยกระจายแรงบิดในแต่ละล้อ ทำงานสอดคล้องกับระบบบังคับเลี้ยวสี่ล้อ ระบบกระจายแรงบิดไฟฟ้ารุ่นใหม่ แตกต่างจากแบบเดิม ช่วยเบรกเมื่อมีเหตุจำเป็น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดและเสริมการขับที่เป็นธรรมชาติตลอดจนสมรรถนะที่สูงขึ้น เมื่อทำการเบรก เพลาไฟฟ้า (e-axle) และมอเตอร์ไฟฟ้าตัวท้ายจะช่วยชะลอความเร็ว ลดแรงกดบนเบรกไปพร้อมกับการชาร์จแบตเตอรี่ในเวลาเดียวกัน

ระบบเบรกและการระบายความร้อนเบรกได้รับการออกแบบใหม่เพื่อตอบโจทย์สถานการณ์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด Revuelto นำเสนอระบบเบรก CCB Plus (Carbon Ceramic Brakes Plus) คาลิเปอร์เบรกหน้า ใช้ลูกสูบเบรก 10 ตัว แทนที่จะเป็น 6 ตัว ติดตั้งร่วมกับจานเบรกขนาด 410×38 มม. (แทนที่ขนาด 400×38 มม. ของ Aventador Ultimae) คาลิเปอร์เบรกหลัง ใช้ลูกสูบเบรก 4 ตัวและจานเบรกขนาด 390×32 มม. (แทนที่ขนาด 380×38 มม. ของรุ่นก่อน) จานเบรกเคลือบทับด้วยชั้นป้องกันการเสียดสี เพื่อสร้างประสิทธิภาพการเบรก การบริหารอุณหภูมิ และการควบคุมเสียงเบรก

การออกแบบอากาศพลศาสตร์ยังช่วยเสริมการทำงานของระบบเบรกด้วย โดยแผ่นกันสะเทือนคู่หน้าและตะแกรงด้านในซุ้มล้อได้ถูกออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่เพียงสำหรับการระบายความร้อนเบรกหน้าโดยแผ่นนี้จะช่วยนำอากาศจากดิฟฟิวเซอร์หน้าไปที่เบรกเท่านั้น แต่ยังมีรูปทรงที่ช่วยลดแรงต้านภายในล้อได้เช่นกัน จึงช่วยจำกัดการบีบอัดและเพิ่มแรงโหลดในส่วนหน้า นอกจากนี้ ท่อดักอากาศ (NACA) คู่บริเวณด้านหน้าของล้อหลังทั้งสองข้าง ยังคอยเก็บลมจากใต้ท้องรถและส่งตรงไปยังท่อระบายความร้อนของเบรกหลัง

3 โหมดการขับรูปแบบใหม่ ได้แก่ Recharge, Hybrid และ Performance เพื่อใช้ร่วมกับโหมดเดิมอย่าง Città (City), Strada, Sport และ Corsa เลือกปรับได้ด้วยการใช้โรเตอร์ 2 ตัวบนพวงมาลัย เมื่อรวมทั้งหมด จะสามารถตั้งค่าไดนามิกได้ถึง 13 รูปแบบ เพื่อให้ Revuelto แสดงบุคลิกและศักยภาพที่แตกต่างกันไปตามสถานการณ์และสภาพพื้นถนน หรือแม้แต่บนสนามแข่งในขณะที่รถกำลังพุ่งทะยาน ยกตัวอย่างเช่น โหมด Città ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ประจำวันในย่านกลางเมือง ด้วยอัตราการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ เมื่อแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่คอยให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้าจำเป็นต้องได้รับการชาร์จไฟ แต่พื้นที่แถบนั้นไม่มีสถานีชาร์จ เครื่องยนต์ V12 จะเข้ามาทำงานเพื่อชาร์จไฟจนเต็ม (เข้าสู่โหมด Recharge) ในเวลาไม่กี่นาที ทำให้รถยนต์รุ่นนี้สามารถแล่นเข้าไปในพื้นที่ที่มีกฎระเบียบควบคุมการปล่อยก๊าซมลพิษได้ด้วยการใช้โหมดไฟฟ้า ระบบกันสะเทือน ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และชุดเกียร์ จะมอบความสบายสูงสุดในการขับขี่ แรงต้านอากาศที่น้อยลง ทำให้โหมด Città มีประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีที่สุด โดยจำกัดกำลังเครื่องสูงสุดที่ 180 แรงม้า

โหมด Strada เหมาะสำหรับการขับขี่ประจำวัน เน้นสัมผัสแบบไดนามิกและการวิ่งทางไกล ผสานการขับขี่แบบสบาย ๆ เข้ากับสัมผัสแบบสปอร์ต ด้วยกำลังเครื่องสูงสุดที่ 886 CV โดยเครื่องยนต์ V12 จะทำงานตลอดเวลา เพื่อทำการชาร์จไฟแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง เสริม การขับขี่ในโหมด Recharge ให้มีประสิทธิภาพ เพลาไฟฟ้าด้านหน้า (e-axle) รองรับระบบกระจายแรงบิดและการทำงานของระบบอากาศพลศาสตร์แบบ active  เมื่อเลือกโหมด Sport ทำให้ Revuelto เปลี่ยนสมรรถนะไปอย่างสิ้นเชิง รถจะถูกปรับค่าเพื่อสร้างประสบการณ์การขับที่เร้าใจ กำหนดรูปแบบการตอบสนองในแต่ละโหมด 3 แบบ คือ Recharge, Hybrid และ Performance โดยเครื่องยนต์สันดาปซึ่งควบคุมโดยระบบไฮบริดจะทำงานกับทั้ง 3 สถานการณ์การขับขี่และมอบกำลังเครื่องสูงสุดที่ 907 CV พร้อมเสียงคำรามกึกก้องของเครื่องยนต์ V12 ชุดเกียร์จะตอบสนองการทำงานในระดับสูงสุด ในขณะที่ระบบกันสะเทือนและระบบอากาศพลศาสตร์ ช่วยยกระดับความคล่องตัว

โหมด Corsa เน้นย้ำถึงศักยภาพด้านไดนามิกบนสนามแข่ง โหมด Performance ระบบส่งกำลังจะแสดงพลังสูงสุดด้วยกำลังเครื่อง 1,015 แรงม้า และการควบคุมระบบไฮบริด ถูกปรับให้รีดศักยภาพของเพลาไฟฟ้า (e-axle) ออกมาทั้งหมด ทั้งในด้านการกระจายแรงบิดและการขับเคลื่อนในทุกล้อ เพื่อประสบการณ์ระดับ Ultra-sport ในโหมด Corsa Recharge สามารถชาร์จไฟแบตเตอรี่ สำหรับนักขับที่เชี่ยวชาญ เลือกปิด ESC ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องมีระบบช่วยขับและเร้าใจได้ตั้งแต่ออกสตาร์ตด้วยกำลังเครื่องสูงสุดผ่านฟังก์ชัน “Launch Control” เปิดทำงานได้ด้วยการกดค้างปุ่มตรงกลางโรเตอร์ตัวซ้าย

ยาง
Bridgestone พัฒนายาง Potenza Sport เพื่อยกระดับการขับแนวซุปเปอร์สปอร์ต เพิ่มขีดศักยภาพด้านความเร็ว ยาง Potenza Sport เกรดพรีเมียมประสิทธิภาพสูง ผสมผสานระหว่างการจัดล้อแบบ 265/35 ZRF20 ที่เพลาหน้าและ 345/30 ZRF21 ที่เพลาท้าย รวมถึงแบบ 265/30 ZRF21 ที่ด้านหน้าและ 355/25 ZRF22 ที่ด้านหลัง ทั้งสองแบบเป็นเทคโนโลยียาง Run-flat เทคโนโลยีนี้ช่วยให้นักขับสามารถขับต่อไปได้อย่างปลอดภัย แม้ยางถูกตำทะลุจนไม่มีลม วิ่งต่อไปได้อย่างน้อย 80 กม.ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. ที่ความดันลม 0 บาร์ 

การใช้ล้อแบบ 265/35 ZR20 ที่เพลาหน้าและ 345/30 ZR21 Potenza Sport ที่เพลาท้าย (ยางแบบ Tubeless) ซึ่งยางแบบ Run-flat และยางแบบ Tubeless มอบประสิทธิภาพการวิ่งด้วยความเร็วสูงที่เหนือชั้น ความแม่นยำในการเข้าโค้งและการตอบสนองรวมถึงการยึดเกาะทั้งบนพื้นผิวแห้งและเปียก ออปชันยาง Bridgestone Potenza Race แบบสั่งผลิตสำหรับการวิ่งในสนามแข่ง ช่วยให้นักขับสามารถยกระดับการยึดเกาะและการควบคุมตัวรถขั้นสูงสุด ส่วนยาง Bridgestone Blizzak LM005 รุ่นปรับแต่งพิเศษ อีกหนึ่งออปชัน มอบการยึดเกาะที่ดีที่สุดบนหิมะ พร้อมการเข้าโค้งที่ไวต่อการตอบสนองและแม่นยำทั้งบนพื้นผิวแห้งและเปียก ยาง Bridgestone ใช้เทคโนโลยีปฏิวัติวงการอย่าง Virtual Tyre Development ลดทั้งปริมาณวัตถุดิบและการปล่อยมลพิษในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์

อินเตอร์เฟซใหม่ (HMI) อินโฟเทนเมนต์ การเชื่อมต่อออนไลน์ และระบบความปลอดภัย (ADAS)
Revuelto นำเสนออินเตอร์เฟซ Human Machine Interface (HMI) ที่ออกแบบใหม่ในทุกรายละเอียด ประกอบด้วยจอแสดงผล 3 ตำแหน่ง ได้แก่ จอบริเวณแผงหน้าปัดขนาด 12.3 นิ้ว จอแสดงผลกลางขนาด 8.4 นิ้ว และจอเสริมขนาด 9.1 นิ้ว มอบรูปลักษณ์ใหม่ที่สดใสกว่าทั้งภาพกราฟิก 3D ภาพเคลื่อนไหว วิดเจ็ต และสไตล์การปรับแต่งต่าง ๆ ซึ่งจอแสดงผลทั้งสามถูกควบคุมโดย “สมองกล” ตัวเดียว ซึ่งใช้ดีไซน์อินเตอร์เฟซแบบเดียวกันทุกจอ ทำให้ผู้ใช้ไม่เกิดการสับสนกับอินเตอร์เฟซบนจอต่าง ๆ ทั้งในเรื่องสีสันและรูปภาพ ตลอดจนมีปฏิกิริยาที่สอดคล้องกัน

ระบบอินโฟเทนเมนต์รูปแบบใหม่ของ Revuelto มาพร้อมฟังก์ชันที่ช่วยให้นักขับสามารถปรับแต่งและสร้างสรรค์ประสบการณ์การขับ เพียงการลากสองนิ้วไปบนหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถย้ายเนื้อหาอินโฟเทนเมนต์ไปยังจอต่างๆ ทั้งจอบริเวณแผงหน้าปัดหรือจอฝั่งผู้โดยสาร ด้วยการปัดหน้าจอแบบเดียวกัน นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกฟีเจอร์การใช้โปรดได้ เพื่อให้ครั้งต่อไปสามารถเปิดใช้งานได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว

พวงมาลัยใหม่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปฏิกิริยาระหว่างนักขับกับพวงมาลัยในรถแข่งรุ่น Squadra Corse ให้ความรู้สึกราวกับห้องนักบิน อุปกรณ์ควบคุมที่เพิ่มเติมเข้ามา ด้วยการขยับมือเพียงเล็กน้อย Revuelto ยังมีจอแสดงผลข้อมูลไดนามิกการขับขี่บนฝั่งผู้โดยสาร ส่วนระบบนำทางได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมด โดยมีการดาวน์โหลดแผนที่แบบเรียลไทม์ เพื่อให้นักขับมั่นใจได้ว่าข้อมูลของพื้นที่นั้นๆ เป็นเวอร์ชันที่อัปเดตเสมอ การคำนวณเส้นทางและกลไกการค้นหาสถานที่ก็สามารถทำงานได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญผ่านเชิร์ฟเวอร์ออนไลน์ ระบบนำทางยังผสานข้อมูลการจราจร สภาพภูมิอากาศแบบเรียลไทม์ รวมถึงข้อมูลที่จำเป็นต่างๆ อาทิ ข้อมูลสถานที่น่าสนใจซึ่งมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงข้อมูลลานจอดรถ ปั๊มน้ำมัน และสถานีชาร์จไฟบนเส้นทาง นอกจากเรื่องตำแหน่งที่ตั้ง ระบบยังแสดงข้อมูลอื่นๆ อาทิ เวลาเปิดให้บริการ ราคา รายละเอียดการใช้งาน และข้อมูลอื่นๆ ไว้อย่างครบครัน

โปรแกรมผู้ช่วย Amazon Alexa จะช่วยให้นักขับเข้าถึงฟังก์ชันการควบคุมตัวรถได้อย่างรวดเร็ว ทั้งการปรับอุณหภูมิ การนำทาง และสื่อต่าง ๆ ผ่านการสั่งงานด้วยเสียง โดยฟังก์ชันเหล่านี้อยู่นอกเหนือจากฟังก์ชันมาตรฐานของ Alexa ที่ใช้เพื่อความบันเทิงและการควบคุมอุปกรณ์สมาร์ตโฮมทั่วไป โดยโปรแกรม Alexa ใน Lamborghini Revuelto ยังผสานฟังก์ชัน What3Words ซึ่งทำงานร่วมกับระบบนำทางที่ติดตั้งมากับตัวรถ ทำให้สามารถขับขี่ไปได้ทุกที่บนโลก แม้สถานที่นั้นจะไม่มีข้อมูลที่อยู่ที่ชัดเจนก็ตาม

Revuelto นำเสนอระบบความบันเทิงนวัตกรรมใหม่ภายใต้ดีไซน์ออริจินัล ระบบวิทยุดาวเทียมแบบใหม่ ค้นหาคลื่นสัญญาณได้นับพันสถานี ตั้งค่าการค้นหาได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะค้นหาเฉพาะเรื่องที่อยู่ในกระแสความนิยม ค้นหาตามหมวดหมู่ หรือเนื้อหาของแต่ละประเทศ ระบบวิทยุดาวเทียม SiriusXM 360L (สำหรับตลาดสหรัฐฯ) เป็นเวอร์ชันที่อัปเกรด เมื่อเปรียบเทียบกับระบบเดิมอย่าง SiriusXM นำเสนอเนื้อหาที่สอดคล้องกับความชื่นชอบของผู้ใช้งาน เช่น รายการโชว์ พอดคาสต์ ไปจนถึงรายการสตรีมมิงอย่าง Pandora และ Xtra

ระบบอินโฟเทนเมนต์ใน Lamborghini Revuelto ระบบการอัปเดตตัวเองผ่านซอฟต์แวร์ Over-the-Air ทำให้มีระบบที่อัปเดตและเนื้อหาที่ทันสมัยอยู่เสมอ ระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นนี้สามารถรองรับการอัปเดตไม่เฉพาะที่จอแสดงผลอินโฟเทนเมนต์เท่านั้น แต่สามารถอัปเดตจอที่แผงหน้าปัดและจอแสดงผลฝั่งผู้โดยสารได้อีกด้วย

Lamborghini Revuelto ยังสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันพิเศษอื่น ๆ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้า Lamborghini Revuelto ติดตั้งระบบโทรศัพท์ฉุกเฉินและบริการช่วยเหลือฉุกเฉินไว้กับตัวรถ ซึ่งจะทำงานทันทีเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เพื่อให้ลูกค้าได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที โดยระบบติดตามรถยนต์ Lamborghini Connect ยังสามารถตรวจจับการใช้งานรถยนต์ที่ไม่ได้รับอนุญาต ทำการแจ้งไปยังเจ้าของรถ ติดต่อไปยังศูนย์ความปลอดภัยที่เปิดรับสัญญาณตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในการติดตามรถยนต์กลับคืน Lamborghini Revuelto ใช้งานได้ทั่วโลกโดยรองรับได้มากกว่า 30 ภาษา เพื่อมอบประสบการณ์ที่ถูกต้องแม่นยำและมั่นใจได้ในทุก ๆ ประเทศ

ปฏิสัมพันธ์กับ Lamborghini Revuelto แม้ดับเครื่องยนต์ไปแล้ว ด้วยการใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน Lamborghini Unica สามารถตรวจสอบสถานะต่างๆ ของรถได้ตลอดเวลา ทั้งระดับเชื้อเพลิง การชาร์จแบตเตอรี่ ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ตำแหน่งการจอดที่แน่นอน แอป Unica ยังมีชุดควบคุมรถยนต์ระยะไกล เช่น การล็อกและปลดล็อกประตู การเปิดเสียงแตรหรือเปิดแสงไฟ โดยบางฟังก์ชันยังสามารถสั่งได้ทาง Apple Watch ควบคุมรถได้แม้มีคนอื่นขับอยู่ ทั้งการกำหนดระดับความเร็วสูงสุด รวมถึงการใช้งานต่อชั่วโมง ขีดจำกัดการใช้งานผ่านตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ซึ่งถ้าวิ่งเร็วเกินระดับความเร็วที่กำหนดไว้ในเขตพื้นที่หนึ่ง ๆ หรือใช้งานนานกว่าเวลาที่กำหนด เจ้าของรถจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางแอป

Lamborghini Revuelto กับข้อมูลที่ถูกส่งระหว่างรถและระบบคลาวด์ จะได้รับการปกป้องตามมาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ควบคุมได้ว่าจะแชร์ข้อมูลใดบ้าง ด้วยการกำหนดความเป็นส่วนตัวทั้ง 6 ระดับตามหลักเกณฑ์

ระบบความปลอดภัย ADAS (Advanced Driver Assistance System) ใน Revuelto ฟังก์ชันขั้นสูงเพื่อการเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ประจำวัน เกิดจากการทำงานผสานกันทั้งระบบกล้อง เรดาร์ และเซนเซอร์ ซึ่งชุดความปลอดภัยยังมีระบบเตือนเมื่อออกนอกช่องเดินรถพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ Active Lane Departure Warning (ALDW) ซึ่งจะตรวจจับเส้นแบ่งช่องเดินรถและปรับวงล้อให้เหมาะสมหากผู้ขับเผลอขับข้ามช่อง นอกจากนี้ ระบบเตือนเมื่อเปลี่ยนช่องเดินรถ Lane Change Warning (LCW) จะตรวจจับจุดบอดและเตือนผู้ขับถึงอันตรายก่อนที่จะเปลี่ยนช่องทาง ส่วนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC) จะควบคุมความเร็วรถและระยะห่างกับรถคันหน้า โดยจะช่วยทั้งในการเร่งความเร็วและเบรกรถให้โดยอัตโนมัติ

Revuelto ติดตั้งระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA) โดยเมื่อทำการถอยรถ อุปกรณ์จะเตือนนักขับหากมีสิ่งกีดขวางอยู่ด้านหลัง และทำการเบรกเมื่อใกล้จะเกิดการชนปะทะ นอกจากนี้ ระบบกล้องยังแสดงภาพด้านหลังรถและด้านบนที่จอแสดงผลบริเวณแผงหน้าปัด ทำให้นักขับไม่เพียงมองเห็นด้านหลังรถ แต่ยังเห็นภาพจำลองของรถทั้งคันเมื่อมองจากด้านบน.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,444 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You May Have Missed