วิสัยทัศน์ที่น่าสนใจของ CEO คนใหม่ แห่ง OR “ดิษทัต ปันยารชุน” คือการเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์การเติมเต็มโอกาสเพื่อการเติบโตร่วมกัน (Empowering All toward Inclusive Growth) ที่พุ่งเป้าไป 3 ประเด็นหลัก ตั้งแต่การประสานธุรกิจพลังงานและไลฟ์สไตล์ให้เป็นหนึ่ง การผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. และการสร้างความยั่งยืนเพื่ออนาคต โดยประเด็นหลังสุดถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ถูกจับตามองอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อ OR พร้อมเดินหน้าภายใต้แผน “การสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน OR SDG หรือ SDG ในแบบฉบับของ OR” ที่ว่าด้วยก้าวที่แข็งแกร่ง กับทั้งผู้คน สังคม และโลกใบนี้
เผยแนวทาง OR SDG
คุณดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า OR พร้อมก้าวสู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน โดยอาศัยความเชี่ยวชาญและทรัพยากรที่มี ไปผนวกกับการสร้างความร่วมมือกับธุรกิจอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. เพื่อเติมเต็มทุกความต้องการของผู้บริโภคให้ได้อย่างครบครัน ขณะเดียวกันก็มุ่งมั่นจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ การสร้างความยั่งยืนเพื่ออนาคต ภายใต้แผน “การสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน OR SDG” นั้น ได้กล่าวถึงใน 3 ประเด็นหลักที่พร้อมขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย OR 2030 อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ
● S – SMALL ที่ว่าด้วยการสร้างโอกาสเพื่อคนตัวเล็ก (Opportunities for Communities)
● D – DIVERSIFIED ที่ว่าด้วยโอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ (More Partners, Products and Services) ผ่านศักยภาพของ OR ที่จะเป็นแพลตฟอร์มในการกระจายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุม
● G – GREEN ว่าด้วยโอกาสเพื่อสังคมสะอาด (Low Carbon Business Areas) ผ่านการส่งเสริมธุรกิจทุกประเภทของ OR ให้เป็นธุรกิจสีเขียว พร้อมเดินหน้าสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ อย่างยั่งยืน และบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2030 รวมถึงมุ่งสู่การบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon) ภายในปี 2050
การเดินทางสู่การเป็นธุรกิจสีเขียวของ OR นี้นับเป็นอีกเรื่องที่หลายฝ่ายกำลังจับตามอง และด้วยความที่เป็นองค์กรชั้นนำประดับประเทศ แนวทางที่ประสบความสำเร็จยังจะกลายมาเป็นแบบอย่างสำคัญให้องค์กรอื่นๆ ยึดถือเป็นแนวทาง เพื่อความยั่งยืนให้สังคม สิ่งแวดล้อม และโลกใบนี้ได้ด้วย
OR กำลังทำอะไรเพื่อโลกสีเขียวของเรา
คุณดิษทัต เปิดเผยว่า วันนี้ OR กำลังก้าวต่อไปอย่างชัดเจนเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกสีเขียวแล้ว โดยขับเคลื่อนไปพร้อมกับการดำเนินธุรกิจ ใน 3 เรื่องน่าสนใจ นั่นคือ
- มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ปัจจุบัน OR อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ 2 โครงการเพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ได้แก่ โครงการปลูกป่าลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทยระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยล่าสุดได้จับมือร่วมกับภาคีเครือข่ายกลุ่ม ปตท. 7 บริษัท เร่งปลูกป่าเพิ่ม 2 ล้านไร่ ตั้งเป้ามุ่งสู่การดำเนินธุรกิจค้าปลีกสีเขียว (Green Retailing) นอกจากนี้ยังมีโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคา (ระยะที่ 2) ที่เกิดขึ้นจากการตระหนักถึงความรับผิดชอบ และความมุ่งมั่นจะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่กับการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กรและระดับประเทศ
- ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
ในวันที่ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) เป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภคและเข้ามาแทนการใช้น้ำมัน OR ได้ก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการขยายธุรกิจ พร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างมีคุณภาพ โดยปัจจุบันขยายเครือข่ายสถานีชาร์จ EV Station PluZ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งใน PTT Station, PTT NGV Station และ PTT LPG Auto Station ครอบคลุมทั่วประเทศในทุกเส้นทางหลัก ชุมชน แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงพื้นที่ที่มีศักยภาพ อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร และอาคารสำนักงาน โดยในปี 2565 ที่ผ่านมาได้ติดตั้งและเปิดให้บริการสถานีชาร์จ EV Station PluZ แล้ว ทั้งหมด 131 แห่ง ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญด้านนี้ คือการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ผลักดันให้เกิดโครงการที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ความร่วมมือกับบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ในการทดลองเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน Energy Storage ร่วมกับสถานีชาร์จ EV Station PluZ จนถึงความร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ด้านไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จ EV Station PluZ
นอกจากนี้ยังร่วมกับไปรษณีย์ไทย และบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ลงนามศึกษาและทดสอบใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle : BEV) เพื่อขนส่งพัสดุไปรษณีย์ด้วยการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ร่วมกับบริษัทโตโยต้า ทูโช และอีวีโลโม เพื่อพัฒนามาตรฐานแบตเตอรี่และขยายเครือข่ายสถานีสลับแบตเตอรี่ (Battery Swapping Station) สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สู่การเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ยกระดับการให้บริการเคลื่อนที่ หรือ Mobility as a Service (MaaS) และสำหรับการมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) OR ยังได้ร่วมมือกับเหล่าพันธมิตรอีกมาก โดยการนำของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (TDEM) และบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (TMT) เปิดสถานีต้นแบบบริการเชื้อเพลิงไฮโดรเจนแห่งแรกของประเทศไทย ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อเก็บข้อมูลขยายผลพัฒนานวัตกรรมต่อไปในอนาคต โดยสถานีบริการเชื้อเพลิงไฮโดรเจนแห่งนี้มีมาตรฐานระดับสากลพร้อมรองรับรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV)
การเดินหน้าอย่างเป็นรูปเช่นนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ OR ได้รับรางวัล Sustainability Excellence Award 2022 ในฐานะองค์กรที่ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและมีแนวทางดำเนินธุรกิจและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนโดยเฉพาะเรื่อง EV Ecosystem สอดคล้องกับพันธกิจด้าน Seamless Mobility ของ OR อีกด้วยเช่นกัน
- เน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพที่เป็นรูปธรรม
ปัจจุบัน OR มีการใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่า 75% เมื่อเทียบกับรูปแบบการใช้พลังงานทั้งหมด เหตุนี้จึงได้กำหนดกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นให้เกิดการลดการใช้พลังงานและเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา OR ได้ติดตั้ง Solar Rooftop ในสถานประกอบการ ขนาด 6.054 MWp ด้วยเงินลงทุนจำนวน 47.5 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการใช้พลังงานที่ลดลง 1.18 GJ ต่อ EBITDA 1 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้ทุกสถานประกอบการดำเนินกิจกรรมโดยใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยแต่ละหน่วยงานจะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เก็บข้อมูลการใช้พลังงาน และผลการดำเนินงาน เพื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีคณะทำงาน Energy Task Force ที่ประกอบไปด้วยผู้จัดการฝ่ายและผู้จัดการส่วนจากหน่วยงานวิศวกรรมของแต่ละสายงาน เป็นคณะทำงาน ทำหน้าที่เป็นผู้กำหนดแผน หลักเกณฑ์ และแนวทางปฏิบัติ รวมถึงส่งเสริมผลักดันและติดตามการดำเนินงานด้านการใช้พลังงานเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายร่วมกันอีกด้วย
วันนี้การเดินไปข้างหน้าอย่างมีแบบแผน และมีเป้าหมายที่ชัดเจนเช่นนี้ ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทุกย่างก้าวของ OR มั่นคงและยั่งยืนกับทั้งผู้คน สังคม และโลกใบนี้ ถือว่าเป็นอีกบทหนึ่งของการเดินทางที่น่าจับตามองทีเดียว
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/