หวังติด 1 ใน 5 ส่งออกสูงสุดของเอเชีย

หวังติด 1 ใน 5 ส่งออกสูงสุดของเอเชีย

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ภายใต้วิสัยทัศน์การทำงานในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 70 กรมตั้งเป้าหมายจะผลักดันให้ไทยติดอันดับ 1 ใน 5 ประเทศ ที่มีความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าระหว่างของเอเชีย จากปัจจุบัน International Institute for Management Development (สถาบัน IMD) สวิตเซอร์แลนด์ จัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่ในอันดับ 8 ของเอเชีย และอันดับ 9 ด้านมูลค่าการส่งออกของเอเชีย

“เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะนอกจากที่เราจะต้องแข่งขันกับคู่แข่งที่อยู่ในอันดับที่ 5 แล้ว ยังต้องแข่งขันกับหลายประเทศที่พยายามจะเพิ่มขีดความสามารถให้มากขึ้น รวมไปถึงปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่เกี่ยวข้อง แต่เชื่อว่า น่าจะเป็นไปได้ เพราะไทยเร่งเจรจาจัดทำความตกลง การค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับหลายประเทศ และหลายกลุ่มประเทศ, เดินหน้าจัดทำมินิเอฟทีเอ เจาะตลาดเมืองรอง, ผลักดันส่งออกสินค้าใหม่ๆ และเจาะตลาดใหม่เพิ่มขึ้น”

ทั้งนี้ ในปี 65 IMD จัดอันดับการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยไทยอยู่อันดับ 8 ส่วนด้านมูลค่าการส่งออก ไทยอยู่อันดับ 9 ของเอเชีย ส่วนในโลกไทยมีส่วนแบ่งตลาดด้านการค้าระหว่างประเทศอยู่อันดับ 26 สำหรับการส่งออกไทยในปี 66 กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ตั้งเป้าหมายขยายตัวไว้ที่ 1-2% จากปี 65 คิดเป็นมูลค่า 289,937-292,808 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 10-10.1 ล้านล้านบาท

สำหรับแผนการผลักดันการส่งออกที่จะดำเนินการตลอดทั้งปี 66 มีทั้งสิ้น 195 แผนงาน และ 450 กิจกรรมย่อย ภายใต้งบประมาณ 1,800 ล้านบาท นอกจากนี้ กรมเตรียมขยายตลาดที่มีศักยภาพ เช่น ตะวันออกกลาง ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าส่งออกโต 20%, เอเชียใต้ ตั้งเป้าเพิ่ม 10%, จีน เพิ่ม 1% จากปีที่ผ่านมา ติดลบ 7%, ตลาด CLMV เพิ่ม 15% ขณะที่ตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น ยังคงรักษาตลาดไว้

ส่วนตลาดใหม่ที่จะต้องขยายโอกาสทางการค้า การส่งออกให้มากขึ้น เช่น ตลาดนอร์ดิก อาทิ เดนมาร์ก, สวีเดน, นอร์เวย์, ตลาดเอเชียกลาง จะพยายามสร้างความรู้ความเข้าใจผู้ส่งออกก่อนที่จะผลักดันการส่งออกต่อไป สำหรับการค้าออนไลน์จะผลักดันเพิ่มจำนวนร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำเพิ่มขึ้น เช่น Amazon Global Selling Thailand (สหรัฐฯ) eBay (สหรัฐฯ ออสเตรเลีย) Lazada (มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม) AbouThai (ฮ่องกง จีน) และ Pinkoi (ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น) หลังจากที่ปัจจุบันมีร้านบน 7 แพลตฟอร์ม ครอบคลุม 9 ประเทศแล้ว ได้แก่ Amazon (สหรัฐฯ) Tmall ในเครือ Alibaba Group (จีน) Bigbasket (อินเดีย) Klangthai (กัมพูชา) Blibli (อินโดนีเซีย) PChome (ไต้หวัน) และ Shopee (มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์) โดยปัจจุบันมีสินค้าที่เข้าร่วมในร้านกว่า 200 แบรนด์.

ผู้นำเสนอข่าว

Lemon

Written by:

720 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You May Have Missed