นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค.67 ได้เชิญผู้แทนจากสถานทูตต่างประเทศในไทยกว่า 20 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีน ยุโรป สหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์ ฯลฯ และหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย (เจเอฟ ซีซีที) มาชี้แจงทำความเข้าใจถึงการลงทุนในไทยภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลในไทย การขออนุญาตดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมายนี้ สัดส่วนการถือครองหุ้น ที่กำหนดให้ต่างด้าวถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ข้อห้ามของการทำธุรกิจภายใต้กฎหมายนี้ ฯลฯ
ทั้งนี้ เพื่อให้สถานทูต และเจเอฟ ซีซีที เข้าใจถูกต้อง และอธิบายให้นักลงทุนที่ต้องการมาลงทุนในไทยได้อย่างถูกต้อง ป้องกันการทำผิด หรือเลี่ยงดำเนินการตามกฎหมาย หรือเกิดกรณีคนไทยเป็นตัวแทนอำพรางถือหุ้นแทนคนต่างชาติ (นอมินี) เป็นต้น “ตัวแทนสถานทูต และเจเอฟซีซีทีเห็นว่าการชี้แจงครั้งนี้มีประโยชน์มาก ได้รับทราบข้อมูลโดยตรงจากหน่วยงานรัฐ และจะชี้แจงให้นักลงทุนมาลงทุนในไทยอย่างถูกต้อง แก้ปัญหานอมินี”
นอกจากนี้ ยังต้องการให้ไทยอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น เพราะกฎหมายบางฉบับยังเป็นอุปสรรค รวมถึงต้องการให้บางธุรกิจภายใต้กฎหมายต่างด้าว ไม่ต้องขออนุญาต ซึ่งได้ชี้แจงว่ารัฐบาลอยู่ระหว่างปฏิรูปกฎหมายที่ล้าสมัย และให้ความสำคัญกับกฎหมายคนต่างด้าวด้วย นอกจากนี้ กรมได้ทบทวนธุรกิจบริการในบัญชีแนบท้าย 3 ของกฎหมายต่างด้าวเป็นประจำ เพื่อถอดออกจากบัญชี ทำให้คนต่างด้าวไม่ต้องขออนุญาตจากกรม จากกระทรวงพาณิชย์ แต่ขออนุญาตจากหน่วยงานที่กำกับดูแลธุรกิจนั้นๆโดยตรง “ปีนี้พิจารณาจะถอด 10 ธุรกิจออกจากบัญชีแนบท้าย 3 ขณะนี้รับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องเสร็จแล้ว จะเสนอขอความเห็นชอบจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ใน 1-2 เดือน หากเห็นชอบ จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธุรกิจบริการที่คาดจะเปิดเสรี เช่น ธุรกิจบริการโทรคมนาคม สำหรับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจ โทรคมนาคม, ธุรกิจศูนย์บริหารเงิน ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศให้กับบริษัทในกลุ่มในเครือ, ธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในไทย เป็นต้น.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
