ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้เตรียมแนวทางรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ตามแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่อนุมัติให้มีการต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตรตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.นี้
โดยขณะนี้กองทุนน้ำมันได้ชำระหนี้ให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ที่ก่อนหน้านี้ได้ใช้เงินเพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลแทนประชาชนไปแล้ว 55,000 ล้านบาท ทำให้เหลือเงินกู้อีก 55,000 ล้านบาทที่สามารถนำมาใช้อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลได้อีก 2 เดือน หรือประมาณเดือน ก.ย.นี้ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งประเมินจากสมมติฐานราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 85-87 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล หรือไม่เกิน 90 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล น้ำมันดีเซลสำเร็จรูปไม่เกิน 93 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
ขณะที่ล่าสุด ณ วันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมากองทุนน้ำมันสามารถเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันดีเซลในอัตรา 3.82 บาท/ลิตร ดังนั้น กองทุนน้ำมันยังมีมาตรการที่เรียกว่าก๊อกสองโดยการยกเลิกเก็บเงินดังกล่าวเพื่อทำให้สามารถลดราคาขายปลีกได้ทันทีเพื่อทดแทนการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวได้ในระดับหนึ่งจากปัจจุบันราคาขายปลีกดีเซลหน้าปั๊มอยู่ที่ 31.94 บาท/ลิตร โดยมาตรการดังกล่าวไม่ว่าจะใช้เงื่อนไขใดสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.นี้ สำหรับฐานะกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 9 ก.ค.ปรากฏว่าติดลบ 52,270 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ติดลบ 130,000 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน หลังจากประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่แล้ว จะเป็นช่วงปลายปีนี้ที่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวในสหภาพยุโรปที่เป็นกลุ่มประเทศที่มีความต้องการใช้น้ำมันจำนวนมากในแต่ละปีเพื่อผลิตพลังงานความร้อนเพื่อบรรเทาสภาพอากาศที่หนาวเย็นประกอบกับซาอุดีอาระเบียประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลง จึงเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบตลาดโลกให้ปรับตัวขึ้น ดังนั้นปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกขณะนั้นเป็นหลักว่ากองทุนน้ำมันจะสามารถรักษาระดับราคาดีเซลไม่ให้เกิน 32 บาท/ลิตรไปได้นานเท่าใด.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/
