ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้นำนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกระทรวงการคลัง (สศค.) เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวม โดยปีงบประมาณ 2566 รัฐบาลจัดเก็บรายได้ 1,377,504 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 112,489 ล้านบาท หรือ 8.9% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.4% ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โดยนายอาคมกล่าวสั้นๆว่า ไปรายงานให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบ ไม่มีประเด็นอะไรพิเศษ
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า หากรัฐบาลมีการต่ออายุลดภาษีน้ำมันดีเซลแล้ว รายได้ของกรมจะช่วยเข้าไปทดแทนส่วนที่หายไปหรือไม่ นายลวรณ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะตัดสินใจว่าจะต่ออายุมาตรการภาษีน้ำมันดีเซลหรือไม่ ซึ่งกรมได้รายงานเพียงสถานการณ์ การจัดเก็บรายได้ของกรมไปเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสรรพสามิตกำลังศึกษาข้อกฎหมายเกี่ยวกับแนวทางการขยายระยะเวลาลดภาษีน้ำมันดีเซลว่ารัฐบาลชุดนี้ทำได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดยมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลจะสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ถ้าหากจะปรับลดอีกครั้งเป็นครั้งที่ 8 ควรปรับลดในอัตราเดิมลิตรละ 5 บาท หรือลิตรละ 2 บาท เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับลดลงต่อเนื่อง โดยปัจจุบันราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 75-76 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากเดิมอยู่ที่ 100 เหรียญฯต่อบาร์เรล และจะขยายระยะเวลาออกไปอีก 2 เดือนหรืออีก 5 เดือน และหากมีการลดภาษีอีกครั้ง ควรลดราคาน้ำมันให้กับผู้บริโภค เพราะที่ผ่านมาลดภาษีดีเซลให้แล้ว แต่กระทรวงพลังงาน ไม่ยินยอมให้ลดราคาขายปลีกน้ำมัน แต่นำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันแทน
ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสม เพื่อมิให้กระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมมากเกินไป โดย 8 เดือนของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.65-พ.ค.66) จัดเก็บรายได้ 313,629 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 65,730 ล้านบาท เพราะกรมได้ลดภาษีดีเซล 7 ครั้ง รวมเป็นเงิน 158,000 ล้านบาท.
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/