ตลาดหุ้นใช้ระบบซื้อขายใหม่ 8 พ.ค.นี้ จัดการคำสั่งเร็วขึ้น! จับความผิดปกติแม่นขึ้น

ตลาดหุ้นใช้ระบบซื้อขายใหม่ 8 พ.ค.นี้ จัดการคำสั่งเร็วขึ้น! จับความผิดปกติแม่นขึ้น

นายถิรพันธุ์ สรรพกิจ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดฯเตรียมใช้ระบบซื้อขายใหม่ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.66 ซึ่งข้อดีของระบบใหม่จะสามารถรองรับปริมาณหรือวอลุ่มการซื้อขายได้มากขึ้น รวมถึงรองรับระบบคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็วขึ้น ทำให้หากมีคำสั่งซื้อขาย (ออเดอร์) ที่เข้ามาจำนวนมาก ระบบใหม่จะสามารถรองรับได้

โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ได้ร่วมมือกับ Nasdaq ซึ่งเป็นผู้นำในระบบซื้อขายสำหรับตลาดทุนและตลาดอนุพันธ์ ในการพัฒนาระบบซื้อขายใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดที่เป็นมาตรฐานสากล มีประสิทธิภาพสูงในการจัดการคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็วขึ้น สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่จะเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต และพร้อมรองรับผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่หลากหลายในรูปแบบใหม่ๆ ทั้งตลาดทุนและตลาดอนุพันธ์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ “นอกจากการเปลี่ยนระบบซื้อขายใหม่ ตลาดหลักทรัพย์และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้เปลี่ยนระบบเผยแพร่ข้อมูลซื้อขาย (Market Data System) ระบบงานกำกับการซื้อขาย (Market Surveil lance System) ในคราวเดียวกัน โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและการประมวลผลข้อมูลที่เป็นสากลและสอดคล้องกับระบบซื้อขายใหม่ รวมถึงยกระดับเครื่องมือและโปรแกรมที่ใช้ในการตรวจสอบเพื่อให้สามารถวิเคราะห์ความผิดปกติในการซื้อขายได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น”

สำหรับเกณฑ์การซื้อขายสำคัญของ SET ที่มีการปรับปรุง เช่น 1.ปรับการคำนวณราคาเปิด-ราคาปิด แต่การคำนวณยังเป็นไปตามหลักการเดิม คือ ระบบคำนวณด้วยวิธีจับคู่ซื้อขายในคราวเดียว (Auction) โดยราคาเปิด-ปิดอาจอยู่นอกกรอบ Ceiling &Floor (C&F) ได้ แต่ไม่เกิน 1 ช่วงราคา (Tick) นอกจากนี้ ยังปรับ Ceiling & Floor ของหลักทรัพย์ -F หรือกระดานซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ ให้มี Ceiling & Floor +/- 60% ของราคาอ้างอิงในทุกวิธีการซื้อขาย (เดิมกำหนด C&F +- 30% ของราคาอ้างอิง)

สำหรับการซื้อขายรายใหญ่หุ้น -F และปรับประเภทคำสั่งซื้อขาย เช่น เพิ่มคำสั่ง Good till Cancel (GTC) และ Good till Date (GTD), ปรับปรุง Iceberg Order เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มเครื่องหมายห้ามการซื้อขาย P (Pause) โดยจะใช้กับหลักทรัพย์ ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯกำหนดให้เข้ามาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 เพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่ผู้ลงทุน นอกจากนี้ ยังมีการปรับการแสดง Bid/Offer เป็น 10 ระดับราคา ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ลงทุน เนื่องจากช่วยเพิ่มความโปร่งใส นักลงทุนมีการตัดสินใจลงทุนดีขึ้น จากการมีข้อมูลเพิ่มขึ้น และเป็นไปตามเทรนด์ของตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป.

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/

ผู้นำเสนอข่าว

Hnoy

Written by:

3,718 Posts

View All Posts
Follow Me :

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *